ปฏิรูปกฎหมาย (ตอนที่1) : วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

ในช่วงที่ข้าราชการประจำจำนวนพอสมควร ต้องถูกกำหนดให้ทำงานจากที่บ้าน หรือ  work from home นั้น

ปรากฏว่าสามารถสร้างผลผลิตเรื่องการปรับปรุงและสร้างกฎหมายกลางออกมาสำเร็จ

ต้องขอแสดงความชื่นชม และขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่ ผลิตภาพด้านนี้ ในที่สุดคลอดออกมาทีละอย่างทีละเรื่องจนได้

เรื่องแรก

ในที่สุดก็มี พระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๔ คลอดออกมา

แปลว่าผู้ประกอบการที่ถือใบอนุญาต ที่ออกมาตามกฎหมาย 11ฉบับ อันได้แก่ ใบอนุญาตสถานพยาบาลสัตว์

ใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม ใบอนุญาตจัดตั้งสุสานและฌาปนสถาน ใบอนุญาตตลาด ใบอนุญาตสถานที่สะสมอาหารหรือจำหน่ายอาหารขนาดไม่เกิน200ตารางเมตร ใบอนุญาตขายสินค้าในทางสาธารณะ ใบอนุญาตสถานพยาบาล ใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมตามกฎหมายน้ำมันเชื้อเพลิง ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ใบอนุญาตผลิต นำเข้า หรือรับจ้างผลิตเครื่องสำอาง ฯลฯ ซึ่งท่านผู้อ่านตรวจสอบได้ตามบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฏีกาของบทความนี้เพิ่มเติม

ถ้าท่านมีใบอนุญาตนั้นๆอยู่แล้ว และกำลังจะต้องไปต่ออายุใบอนุญาต

พระราชกฤษฎีกานี้กำหนดว่านับแต่ 22 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

ท่านจ่ายค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตปุ้ป

ให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นๆของท่านได้รับการต่ออายุเลย

ไม่ต้องรอให้เรียก หรือยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตนั้นอีก

การชำระค่าธรรมเนียม ให้ถือเป็นการแทนการยื่นขอต่อใบอนุญาต

แถมการจ่ายค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตนี้

ก็ยังกำหนดให้ชำระทางออนไลน์ได้เลยด้วย จะไปจ่ายผ่านธนาคาร จ่ายผ่านศูนย์บริการร่วม จุดบริการรับชำระ หรือจ่ายทางออนไลน์ หรือจะไปที่กรมกองที่เคยต้องไปต่ออายุใบอนุญาตนั้นๆอย่างเดิมก็เลือกเอาตามสะดวก

ตัวใบอนุญาตที่ต่อแล้วก็ให้หน่วยราชการสามารถส่งกันทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เลย

อันนี้เป็นการออก”กฎหมายกลาง ”บังคับให้มีผลต่อกฏหมาย”กรม”อื่นอีก11ฉบับเป็นการประเดิมก่อน

ในอนาคต อยากเสนอให้พิจารณาเอาเรื่องการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการโรงภาพยนตร์ โรงแรม  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตมัคคุเทศก์เข้าไปเพิ่มในบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ต่อไป

เพราะนี่เป็นเรื่องต่ออายุใบอนุญาต ไม่ใช่การขอใบใหม่

ข้อมูลสถานที่ตั้ง ขนาดที่ตั้ง หลังคา ทางเข้าออก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

และถ้าจะเปลี่ยนแปลงต่อเติมอาคารก็มีเรื่องกฎหมายควบคุมอาคารจัดการอีกทางหนึ่งอยู่แล้ว

หน่วยงานที่รับค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาต ต้องออกใบต่ออายุใบอนุญาตให้ ถ้ายังไม่ออก พระราชกฤษฎีกานี้บอกว่าเราก็ใช้ใบเสร็จรับเงินที่ชำระค่าธรรมเนียมนั่นแหละเป็นเสมือนใบอนุญาตที่ต่ออายุออกไปได้เลยเป็นการชั่วคราว

เเจ๋วมากครับ

คำนับหนึ่งที

เรื่องนี้เป็นฝีมือริเริ่มของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ตานี้ดูเรื่องที่สองที่คลอดออกมาสำเร็จ อันเป็นการปรับปรุงปฏิรูปกฎหมาย

นั่นคือการออกพระราชกำหนดแก้ไขอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จาก 7.5% เหลือ 3% และอาจมีบางกรณีที่จะไปถึง5% ได้แล้วแต่เรื่อง  จากเดิม เอะอะสงสัยอะไรก็ดอกเบี้ย7.5%ไว้ก่อน และบัดนี้ยังได้แก้ไขวิธีคิดดอกเบี้ยโดยไม่ให้มีดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย และผิดนัดชำระงวดใดก็คิดดอกเบี้ยผิดนัดเพิ่มเฉพาะจากงวดที่ผิดนัดนั้นเท่านั้น ไม่งั้นถือว่าโมฆะ ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนมากจะพอรับทราบจากข่าวสาธารณะแล้ว และคงจะได้ฟังการอภิปรายอีกแยะในการถ่ายทอดการประชุมสภาเมื่อพระราชกำหนดนี้ต้องมาขอความเห็นชอบเพื่อแปลงร่างจากพระราชกำหนดเป็นพระราชบัญญัติที่รัฐสภาตามกติกา

เป็นงานปฏิรูปกฎหมายที่เจ๋งมากชิ้นที่สอง

คำนับอีกที

นี่ยกมาพอหอมปากหอมคอก่อน

ยังมีเรื่องให้ชวนแก้กฎหมายอีกหลายเรื่องครับ

น้อยคนจะตระหนักว่า การที่ป้าขี่จักรยานแล้วเอาเด็กนักเรียนนั่งซ้อนท้ายไปส่งทุกวันนั้น เป็นการกระทำที่ผิดพระราชบัญญัติการจราจรทางบก 2522 !!

เพราะมาตรา 83 (5)ระบุว่ามิให้ขับขี่จักรยานในทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือแม้แต่ทางที่จัดไว้ให้สำหรับจักรยาน โดยมีการบรรทุกบุคคลอื่น นอกจากจะเป็นสามล้อบรรทุกคน!!

เหวอมั้ยครับ?

และก็คงมีคนไม่รู้อีกตั้งแยะ ว่าการปั่นจักรยานเคียงคู่ขนานคุยกันหนุงหนิงไปเรื่อยระหว่างทาง เกินสองคันนี่ก็ผิดกฎหมายฉบับเดียวกัน ในมาตรา83(2) เพราะระบุว่า มิให้ขี่จักรยานขนานกันเกินสองคัน!!

แต่มีข้อยกเว้นให้ ถ้าขี่ขนานกันสักสามคันในทางที่จัดไว้ให้สำหรับจักรยาน

กฎหมายอย่างนี้ ผมเดาว่าตำรวจจราจรคงไม่เคยใช้จับกุมเอาผิดใคร   เพราะรังแต่จะสร้างดราม่าให้โดนรุมสวดเปล่าๆ

แต่ว่าตามตัวบท ใครฝ่าฝืนมาตรา83 คือขี่ซ้อนท้ายส่งหลานก็ดี ขี่สามคันขนานคุยกันกันไป มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ตามมาตรา148

นี่ปรากฏตามความในพระราชบัญญัติเชียวนาครับ

ถ้าไหนๆจะมีการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ2560 ซึ่งกำหนดในมาตรา 77 ให้รัฐยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่ ”หมดความจำเป็น” หรือ ”ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์” หรือที่เป็นอุปสรรคต่อ ”การดำรงชีวิต” หรือ ”การประกอบอาชีพ”

เรามาช่วยกันเชียร์ให้จัดการกับมาตราข้างบนเสียด้วยดีไหม

บางท่านอาจบอกว่าปล่อยๆไปก็ได้ ในเมื่อมาตรานั้นๆไม่เคยถูกใช้อยู่แล้ว

แต่ในโลกที่กิจการที่เน้นเรื่องความยั่งยืนต่างๆกำลังรับกระแสการตรวจสอบความถูกต้องในการกำกับกิจการให้ทำตามระเบียบกฎหมายอย่างครบถ้วนเคร่งครัด

ดังนั้นตัวบทที่ล้าสมัย หรือไม่ได้ใช้ปฏิบัติแต่ก็คาไว้จะกลายเป็นภาระให้ต้องอธิบายอีกมากมาย

และในเมื่อรัฐธรรมนูญ2560มาตรา77ก็ระบุให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะดำเนินการยกเลิกปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยอยู่แล้ว ก็น่าจะทำซะในช่วงโควิดขังเราให้อยู่บ้าน ช่วยชาติ แก้ไขกติกางานกระดาษทั้งหลายให้ลดลงให้มากๆเสียเลย

ลดเวลา ลดขั้นตอน ตัดทอนการทุจริต

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ใส่ความเห็น

ฮอนด้า แอคคอร์ด

ที่สุดแห่งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับพรีเมียม