น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายศรันยู คงสวัสดิ์เกียรติ ผู้สมัคร ส.ก. เขตสัมพันธวงศ์ พรรคไทยสร้างไทย, นายพรภวิษย์ ศุภวรางกูร ผู้สมัคร ส.ก. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 1 ป้อมปราบ สัมพันธวงศ์ พระนคร พรรคไทยสร้างไทย ได้พบปะฟังเสียงชาวบ้านตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ โดยได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากชาวตลาดน้อยทุกคน พร้อมทั้งได้ไปท่าเรือภาณุรังษี และบ้านโบราณ “โซเฮงไถ่”
พรรคไทยสร้างไทย ต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรมของ กทม. ทุก 50 เขต เพื่อสร้างพลัง Empower ให้กับคนตัวเล็ก เพื่อให้คน กทม. ทุกคน สามารถทำมาหากินได้อย่างแข็งแรงที่สุดอย่างยั่งยืน
พร้อมร่วมพูดคุยกับตัวแทนผู้ประกอบการในตลาดน้อย 3 ราย ที่สะท้อนปัญหาและความต้องการ เกี่ยวกับการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งผู้ประกอบการต่างเห็นถึงศักยภาพของชุมชนต่างๆในกรุงเทพฯชั้นใน ที่มีตึกเก่าอายุเป็นร้อยปี แต่การปรับปรุงซ่อมแซมหรือพัฒนาอาคารเก่า มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ติดขัดระเบียบจากกรมศิลปากร รวมถึงการจัดพื้นที่และลานจอดรถรองรับนักท่องเที่ยว
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ในเรื่องนี้ไม่ต้องเอาเรื่องของการลงสมัครผู้ว่าฯ เป็นตัวตั้ง แต่เอาเรื่องการพัฒนาพื้นที่ เพราะแม้ว่าไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ แต่ทีมงานในพื้นที่ยังมีอยู่และเห็นถึงศักยภาพของทุกพื้นที่ ขณะที่ภาครัฐมีงบประมาณ มีกฎหมายมีกำลังคน แต่เวลาทำงานทำเหมือนที่ตนเคยบอกว่า “ทำแบบเหมือนเหมือนกรรไกรข้างเดียว” จากด้านบนลงมาข้างล่าง และไม่เคยลับคมกรรไกรด้านล่าง ไม่ให้อำนาจชุมชน ที่ผ่านมาผู้มีอํานาจพยายามพัฒนาพื้นที่หรือช่วยเหลือเรื่องปากท้องซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะประชาชนไม่ได้กำหนด ซึ่งตนขอย้ำว่า คนในพื้นที่คือผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุด และพรรคไทยสร้างไทยมีทีมงานทั้ง 50 เขต รู้ว่าทุกเขต รู้ว่าแต่ละเขตมีจุดแข็งอะไร ถ้า กทม.ดำเนินการแนวทางพรรคไทยสร้างไทย ก็สามารถทำได้เลย แต่ถ้าไม่ดำเนินการ ตนและพรรคไทยสร้างไทยยังสามารถผลักดันในระดับชาติได้
ในช่วงการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน น.ต.ศิธา กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยทุกคน เล็งเห็นศักยภาพของทุนทางวัฒนธรรมของ กทม. อย่าง “โมเดลตลาดน้อย” ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ ด้วยบ้านเรือนตึกแถว ที่มีการขายอะไหล่อยู่รายล้อม สอดแทรกด้วย Street Art ตามแนวกำแพงภายในชุมชน และที่สำคัญ บ้านโบราณ “โซเฮงไถ่” ที่อายุมากกว่า 200 ปี ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยน ที่ผ่านมา กทม. แทบไม่มีการสำรวจประวัติศาสตร์ของชุมชน เพื่อการอนุรักษ์ จึงน่าเสียดายที่ในชุมชนอื่นของ กทม. บ้านโบราณทั้งหลายก็ถูกลืมถูกทำลายลง
อีกทั้ง น.ต.ศิธา กล่าวเพิ่มเติมว่า “จะใช้ทักษะการบริหารที่เคยบริหาร ทอท. ในการปรับปรุงสิ่งที่คนอื่นมองไม่มีค่า ทำให้เป็นสิ่งที่มีค่าได้ ดังเช่นการนำพื้นที่รกร้างว่างเปล่ามาทำเป็นสนามจักรยาน ที่ทำให้คนไทยมาปั่นจักรยานกันเกินกว่าล้านครั้งต่อปี คิดเป็นระยะทางมากกว่า 30 ล้านกิโลเมตร โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ไม่ต้องเบียดบังงบประมาณขององค์กรแต่อย่างใด ผมจะนำพื้นที่ว่างเปล่าทั่วกรุงเทพมหานคร มาดำเนินการให้เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย เป็นที่ซึ่งประชาชนสามารถที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ โดยการประสานงานของทีมผู้สมัคร ส.ก. พรรคไทยสร้างไทยทุกคนครับ”
น.ต.ศิธา ย้ำว่า หากได้รับโอกาสเป็นผู้ว่า กทม. ตนจะทำให้เกิดขึ้นและจะกล้าทำให้สิ่งที่ผู้ว่า กทม.ไม่เคยทำ