เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงการบริหารจัดการจราจร และข้อห่วงใยการชุมนุม ตามมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติ เพื่อรองรับการประชุมเอเปค 2565 มาต่อเนื่องในทุกภารกิจ
.
ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณโดยรอบศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้วงระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2565 โดยเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบด้านการจาจร ได้แก่
1) ถนนรัชดาภิเษก แยกอโศกมนตรี- แยกพระราม 4 และถนนดวงพิทักษ์ตลอดสาย ขอให้งดใช้ตลอด 24 ชม.
2) ถนนเพลินจิต (ขาเข้า), ถนนวิทยุ (ช่องทางหลัก) ตั้งแต่ แยกเพลินจิต – แยกสารสิน, ถนนราชดำริ (ฝั่งขาเข้า) ตั้งแต่ แยกราชประสงค์ – แยกราชดำริ, ซอยต้นสน ตลอดสาย และซอยร่วมฤดี ตลอดสาย ขอให้งดใช้ช่วงเวลา ตั้งแต่ 18.00 น.-06.00 น. ของวันถัดไป
3) จัดเดินรถทางเดียว (one way) ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น. ถนนราชดำริ (ขาออก) ตั้งแต่ แยกราชดำริ – แยกราชประสงค์, ถนนวิทยุ (ขาออกช่องคู่ขนาน) ตั้งแต่ แยกสารสิน – แยกเพลินจิต และถนนเพลินจิต (ฝั่งขวา) ) ตั้งแต่แยกใต้ด่วนเพลินจิต – แยกราชประสงค์
นอกจากนี้ในช่วงการประชุมเอเปค2565 ขอแจ้งปิดให้บริการสถานี MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงดจอดรับส่งผู้โดยสารในสถานีนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา 00.01 น. – จนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18.00 น.
ขณะเดียวกัน “ปิดให้บริการ” สวนป่าเบญจกิติ ตั้งแต่วันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 เนื่องจากสวนดังกล่าวจะเป็นที่ตั้งของฝ่ายความมั่นคง และเป็นสถานที่ใกล้กับจุดที่มีการประชุมกัน จึงต้องให้เกิดความปลอดภัยอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ กำหนดวันหยุดราชการ เป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน 2565 รวมทั้งให้สถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร จว.นนทบุรี และ จว.สมุทรปราการ ทุกสังกัด หยุดการเรียนการสอน เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร อำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งเพื่อให้การอารักขาและการรักษาความปลอดภัยผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนประเด็นการชุมนุม โฆษก ตร. กล่าวว่า “ตามที่ปรากฏข้อมูลว่า จะมีการนัดชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นด้านต่างๆ ในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนให้ทราบว่า แม้ว่าการชุมนุมสาธารณะจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่กระทบสิทธิบุคคลอื่น และไม่กระทบต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยหากจะมีการยื่นข้อเรียกร้อง หรือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ได้จัดสถานที่อำนวยความสะดวกสำหรับการยื่นหนังสือไว้แล้ว ขอให้ไปยื่นตามสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้
ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่า ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมฯ ต้องแจ้งการชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจแห่งท้องที่นั้นล่วงหน้าฯ และตามที่ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดสถานที่ตามนัยมาตรา 8 (5) แห่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 กำหนดสถานที่จัดการประชุม 1 แห่ง และโรงแรมที่พักจำนวน 19 แห่ง เป็นสถานที่ต้องห้ามมิให้มีการชุมนุมกีดขวางทางเข้า-ออก รบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการของสถานที่ดังกล่าว หากมีการฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเจ้าพนักงานฯ อาจจะมีการกำหนดเงื่อนไขหรือมีคำสั่งให้ถือปฏิบัติ หากฝ่าฝืนโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม ตร. ได้ร่วมหารือกับ การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กำหนดเขตพื้นที่ห้ามบินอากาศยาน โดยเฉพาะอากาศยานไร้คนขับ และอากาศยานที่ไม่ได้รับอนุญาตให้บิน ในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 13 – 21 พฤศจิกายน 2565 (No fly zone) เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวหากมีโดรนหน่วยงานราชการใดหรือของเอกชนมาบินก็จะถูกชุดแอนตี้โดรน เข้าไปดำเนินการทันที
โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือประชาชนในการร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค อันจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการค้าและการลงทุน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และรายได้ให้กับประเทศไทยต่อไป
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดสายด่วน 1197 กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ให้ประชาชนสอบถามการจราจร และเส้นทางเลี่ยงในห้วงดังกล่าว ตลอดจนแจ้งเบาะแส ข้อมูลหรือสิ่งผิดปกติให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตลอดเวลา ที่โทรสายด่วน 191 หรือ 1599” พล.ต.ต.อาชยนฯ กล่าว
ที่มาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ