สธ.สั่งทุก รพ. เปิดจุดฉีดวัคซีน จัดรถโมบายบริการกลุ่ม 608 หลังยอดผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น เเต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนเเรง คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มลดลงช่วงหลังปีใหม่ 2566
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แพทย์จ่ายยาและรักษาแบบผู้ป่วยนอก ส่วนการใช้เตียงในโรงพยาบาลยังไม่เพิ่มขึ้นมากจนต้องมีมาตรการเพิ่มเติม สำหรับผู้เสียชีวิตยังเพิ่มไม่มากเช่นกัน เฉลี่ยไม่เกิน 10 รายต่อวัน ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะพบการระบาดในลักษณะ Small Wave และจะค่อยๆ ลดลงช่วงหลังปีใหม่
ทั้งนี้ การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำให้ช่วงนี้ประชาชนเข้ารับวัคซีนมากขึ้นด้วย จึงได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนในช่วงนี้ และให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด จัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ วัน/เวลา การให้บริการ เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงและมารับบริการได้สะดวก
แม้จะมีการกำหนดวันเวลาให้บริการ หากประชาชน walk in มาขอรับบริการไม่ตรงวันก็ขอให้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องเปิดขวดวัคซีนฉีดไม่หมดแล้วต้องทิ้ง เพราะแม้ขวดหนึ่งจะฉีดเพียงคนเดียวก็ถือว่ามีประโยชน์กว่าที่จะรอหลายคนแล้วทำให้ไม่ได้ฉีด เพราะคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น
การกระจายวัคซีนโควิดถึงระดับ รพ.สต. เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาลชุมชน และลดการสูญเสียรายได้ของญาติจากการหยุดงานพามาฉีดวัคซีน แต่เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนให้มากขึ้นและสะดวกยิ่งขึ้น ได้แจ้งให้มีการจัดกิจกรรมเชิงรุก เช่น จัดรถโมบายยูนิตฉีดวัคซีนพร้อมนัดหมายให้มารับบริการในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์