อดีตทนายความลุงพล ร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน “ลุงพล” ใช้เงินบริจาคสร้างรูปปั้นพญานาค

Mummai Media

“ทนายสมเกียรติ” อดีตทนายความลุงพล บ้านกกกอก ร้อง ปปง. ตรวจสอบเงินบริจาคสร้างพญานาคผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ อ้างมีหลักฐานใช้ชื่อภรรยาซื้อที่ดินส่วนตัวในพื้นที่อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร

2 ธ.ค.65 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล พร้อมคณะฝ่ายกฎหมาย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการปปง.ขอให้ดำเนินการตรวจสอบนายไชยพล วิภา หรือ ลุงพล ฐานความผิดการฟอกเงิน

จากกรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อสร้างรูปปั้นพญานาค โดยขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของการได้มาซึ่งเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด ที่นายไชย์พล เปิดบัญชีรับบริจาคเงินจากพี่น้องประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้ร่วมบริจาคในการสร้างพญานาค ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

โดยที่ผ่านมา นายไชย์พลถูกศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาคดีตัดไม้ในเขตป่าสงวน โดยสั่งจำคุกลุงพล 2 ปี 3 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี และสั่งรื้อถอนปูนปั้นพญานาคภายใน 30 วัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 โดยมีร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม สำนักงานเลขานุการกรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน

นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า เดินทางมาในฐานะพลเมืองดี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านพื้นที่กกกอก ที่ไม่สบายใจเรื่องเงินบริจาคสร้างลานพญานาค ซึ่งมีคดีความบุรุกป่าสงวนก่อนหน้านี้

จากข้อมูลยอดการรับบริจาค ประมาณ 1,300,000 บาท และต่อมานายไชย์พลแจ้งแก่สื่อมวลชนว่าเงินบริจาคคงเหลืออยู่ประมาณ 8,000,000 บาท แต่ปัจจุบันจากที่ตัวเองเห็นยอดเงินในบัญชีพบว่าไม่มีเงินคงเหลืออยู่แล้ว มีการโยกย้ายออกไปในบัญชีนอมินีอื่นที่เป็นบุคคลใกล้ชิด คนในครอบครัว 2-3 บัญชี

และพบว่ามีการนำเงินบางส่วนไปซื้อที่ดินส่วนตัวในพื้นที่อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยใช้ชื่อภรรยา เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ จึงมองว่าเป็นการใช้เงินบริจาคผิดวัตถุประสงค์ จึงเดินทางมายื่นเรื่องให้ ปปง.ตรวจสอบว่านายไชย์พลได้รับผลประโยชน์จากเงินบริจาค และการกระทำผิดที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเข้าข่ายฐานฟอกเงินหรือไม่

ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นทนายความของนายไชย์พลคดีเกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งก็ทำหน้าที่ทนายความอย่างเต็มที่ ก่อนศาลพิพากษาตามหลักฐานข้อเท็จจริง แต่นายไชย์พลกลับต่อว่าตัวเองโดยการไลฟ์ ต่อว่าตัวเองลักษณะไม่พอใจ หาว่าทำคดีแพ้ทั้งที่เสียเงินจ้าง

ยืนยันว่าการมายื่นเรื่องให้กับ ปปง.ไม่ได้เป็นการกันแกล้ง แต่มาในฐานะที่ปรึกษาของชาวบ้านและพลเมืองคนหนึ่ง โดยการยื่นหนังสือมีร.ต.อ.เอกไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม รักษาการตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นผู้รับเรื่อง