ผบ.พล.ร.7 แถลงปราบฝิ่นภาคเหนือ พบเชียงใหม่ลักลอบปลูกมากสุด 97 แปลง ปัจจัยสำคัญมาจากราคายังสูง พื้นที่ปลูกใกล้เคียงปีที่ผ่านมาแต่ปลูกในพื้นที่กันดารและสูงชันมากขึ้น
วันที่ 2 ธ.ค. 65 ที่ห้องประชุมระวังเมือง 1 บก.พล.ร.7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการพลทหารราบที่ 7 , กองทัพภาคที่ 3, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 และภาค 6,สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด, กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และจังหวัด/อำเภอที่เกี่ยวข้อง (จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ตาก, น่าน, ลำปาง และกำแพงเพชร) ได้ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปี 2566
พล.ต.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 กล่าวว่า การควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปี 2566 ได้บูรณาการร่วมกันในหลายภาคส่วน เพื่อกำหนดเป็นแผนการฯ ที่มีความประสานสอดคล้องกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งในปีนี้จากการสำรวจ ได้ตรวจพบแปลงลักลอบปลูกฝิ่นตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2565 พบพื้นที่ลักลอบปลูก จำนวน 121 แปลง รวมพื้นที่ 54.71 ไร่ พื้นที่ปลูกฝิ่นที่พบส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.แม่แตง อ.แม่แจ่ม อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 97 แปลง จำนวน 42.84 ไร่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 24 แปลง จำนวน 11.87 ไร่ จากการสำรวจยังพบว่ามีการเปิดพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกฝิ่นอีกในพื้นที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพิ่มอีก ซึ่งภายหลังจากการตรวจพบก็ได้เข้าดำเนินการ จำนวนทั้งสิ้น 28 พื้นที่เป้าหมาย โดยจังหวัดเชียงใหม่ พบแปลงลักลอบปลูกมากที่สุด อำเภอเชียงดาว จำนวนถึง 50 แปลง จำนวน 18.50 ไร่ รองลงมาที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 24 แปลง จำนวน 11.87 ไร่
ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจและการตัดทำลายไร่ฝิ่นในห้วงที่ผ่านมา คาดว่าพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นในปีนี้จะมีพื้นที่การปลูกใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินมาตรการป้องกันที่เข้มงวดในช่วงก่อนฤดูการปลูกฝิ่น มาตรการปราบปรามกลุ่มนายทุนผู้สนับสนุนการปลูกฝิ่น และสภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกชุกในช่วงต้นฤดู ประกอบกับในปีนี้พบว่าพื้นที่ลักลอบปลูกจะอยู่ห่างไกลและกันดารมากยิ่งขึ้น เช่น บริเวณพื้นที่สูงใน อ.แม่แจ่ม อ.แม่แตง อ.เชียงดาว อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และปลูกแปลงขนาดเล็กลง แต่จะมีการกระจายตัวอยู่ในบริเวณเดียวกันหลายแปลง
แรงจูงใจในการลักลอบยังคงเป็นเรื่องของความต้องการของผู้เสพและราคาฝิ่นดิบในพื้นที่ยังค่อนข้างสูง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปลูกฝิ่นยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในเขต อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน, อ.เชียงดาว, อ.แม่แตง, อ.เวียงแหง, อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ระมาด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าดำเนินการตัดทำลายและมีมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น แต่ผู้ลักลอบปลูกฝิ่นก็มีวิธีการและแนวทางในการพัฒนาต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อได้ว่าสถานการณ์ ในเรื่องราคาและความต้องการใช้ฝิ่นเพื่อเสพยังคงเป็นแรงจูงใจในการลักลอบปลูกฝิ่นอยู่