“บิ๊กโจ๊ก” เตรียมดำเนินคดีกับตำรวจ ตม. ทั้งชั้นประทวน-นายพล หากพบเอื้อประโยชน์ให้คนจีนอยู่ไทย พร้อมยินดีรับข้อมูลจากทุกฝ่ายมาตรวจสอบ ส่วนคดี “ตู้ห่าว” คืบหน้าไปมากโดยเฉพาะหลักฐานเอาผิดคดี ฟอกเงิน
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 12 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการเข้าชี้แจงความคืบหน้าคดีกลุ่มธุรกิจคนจีนผิดกฎหมายในไทย กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว และใกล้ที่จะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ในบางคดี พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังรอหลักฐานเส้นทางการเงินจากธนาคาร เพื่อนำมาพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับนายตู้ห่าว ฐานฟอกเงิน พร้อมยืนยันว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหานี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนคดีความผิดนอกราชอาณาจักรนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐาน เนื่องจากคดีนี้ จะต้องมีการทำความผิดทั้งในและต่างประเทศชัดเจน โดยเฉพาะการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่พบ แต่หากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดีเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดียาเสพติดที่กลุ่มนี้เรียกว่า “แฮปปี้วอเตอร์” รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พบว่าเป็นยาเสพติดที่ผสมกันขึ้นมาเองอย่างง่ายๆในประเทศ โดยที่ไม่ได้นำเข้า จึงยังถือว่าเป็นความในราชอาณาจักรเท่านั้น ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หากมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีและเป็นประโยชน์ สามารถนำมามอบให้พิจารณา เพราะที่ผ่านมา ก็เคยนำข้อมูลของนายชูวิทย์ มาสืบสวน เช่น การจัดตั้งมูลนิธิของกลุ่มคนจีน ที่ใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อวีซ่าอยู่ในไทยได้นานขึ้น
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่นายชูวิทย์ ออกมาระบุว่า ไม่มั่นใจการทำงานนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่น้อยใจ ไม่โกรธใครทั้งสิ้น เราจะไม่ขัดแย้งกับใคร แต่เอาทุกความเห็นเข้ามาทำงาน มีติติงใครเพิ่มเติมอะไรหรือในโซเชียลมีประเด็นอะไร เราจะเอามาดู ถ้าใช่ก็จะเอามาทำงาน เพราะคดีนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยความรู้สึกได้ แต่จะต้องทำไปตามพยานหลักฐานที่สืบสวนได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ บอกว่า ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับพนักงานรักษาความปลอดภัยจินหลิงผับว่าเป็นผู้ดูแลสถานที่นั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวยอมรับว่า มีการตั้งข้อหาจริง แต่ในรายละเอียดจะต้องไปสอบถามกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เนื่องจากเป็นผู้เข้าไปจับกุมวันเกิดเหตุ เพราะจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสถานที่มากกว่า แต่ตัวเองเพิ่งเข้ามารับหน้าที่กำกับการสืบสวนหลังจากจับกุมเสร็จสิ้นแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การสอบสวนหัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง 27 แห่งนั้น ได้เรียกมาสอบสวนไปแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และบางนาย ได้ร้องไห้ขณะถูกสอบสวน เพราะจำนนต่อหลักฐานที่พบการให้อนุญาตอยู่ในไทย แต่หลังจากนี้ เชื่อว่าจะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องมากกว่า 27 นายนี้ เพราะผู้ที่มีลายเซ็นเกี่ยวข้อง ก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมไปถึงนายพลที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ที่พบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด ไม่มีละเว้น
ขณะนี้ยังมีการตรวจค้นทรัพย์สินของนายตู้ห่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจ ที่ได้สืบสวนมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว รวมทั้งสามารถดำเนินคดีกับนายตู้ห่าว และคนจีนอีกกว่า 100 คน ซึ่งยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่