ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง“การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2565” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-22 ธันวาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ34.00 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคสามารถทำได้จริง ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 14.05 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ขณะที่บางส่วนระบุว่าจะได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 3 ร้อยละ 13.25 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ ขณะที่บางส่วนระบุว่าชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 8.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 6.45 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ ชื่นชอบนโยบายของพรรค มีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 6 ร้อยละ 6.00 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 7 ร้อยละ 5.00 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 8 ร้อยละ 2.65 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช(พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ อันดับ 9 ร้อยละ 2.60 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย เป็นคนพูดจริงทำจริง และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 10 ร้อยละ 2.30 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา และมีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศ อับดับ 11 ร้อยละ 1.10 ระบุว่าเป็นดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) เพราะ มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และมีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศ ร้อยละ 4.35 อื่น ๆ ได้แก่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ(พรรคพลังประชารัฐ) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคพลังประชารัฐ) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายเศรษฐา ทวีสิน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) นางปวีณา หงสกุล นายอานันท์ ปันยารชุน ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/65 เดือนกันยายน 2565 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่าน.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 42.95 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทยอันดับ 2 ร้อยละ 16.60 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 8.30 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลยอันดับ 4 ร้อยละ 6.95 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 5 ร้อยละ 5.35 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์อันดับ 6 ร้อยละ 5.25 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 4.00 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 8 ร้อยละ 3.40 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 9 ร้อยละ 3.25 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า และร้อยละ 2.60 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคกล้า พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคประชาชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/65 เดือนกันยายน 2565 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทยและพรรคชาติพัฒนากล้า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.60 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.95 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.45 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 13.75 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.10 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.90 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 มีอายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.80 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.95 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ26.65 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.70 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 95.20 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.05 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.75 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 30.55 สถานภาพโสด ร้อยละ 66.90 สมรส และร้อยละ 2.55 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ตัวอย่าง ร้อยละ 26.70 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 37.90 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าร้อยละ 7.85 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 23.35 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ4.20 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 8.50 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.15 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.40ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 13.10 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมงร้อยละ 15.95 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.30 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.60 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 22.05 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 21.10 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 27.90 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 3.75 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.75 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 11.00 ไม่ระบุรายได้