ตำรวจ ปทส.สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ ศปป.4 กอ.รมน.ลงพื้นที่ตรวจยึดพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้ต้องหา 2 คนและไม้พลวง 17 ท่อน หลังสืบทราบว่ามีนายทุนได้บุกรุกป่าบริเวณดังกล่าวออกเอกสารสิทธิ์ไปขายต่อให้นายทุนชาวญี่ปุ่นในราคาไร่ล่ะ 1 ล้านบาท
กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดเชียงใหม่ กก.4 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ,เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 33 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน.ตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน บ้านดอยล้อม หมู่ที่ 7 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับจับกุมตัว นายสวัสดิ์ คนเที่ยง อายุ 60 ปี และนายคำ ธิมา อายุ 71 ปี ชาวบ้าน ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ คนงานที่กำลังก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ยึดไม้พลวง 17 ท่อนที่มีร่องรอยถูกตัดในพื้นที่ดังกล่าว และอุปกรณ์การตัดไม้หลายรายการ
ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ.4 บก.ปทส.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีนายทุน เข้ามาบุกรุกผืนป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้าง และป่าแม่ขนิน ซึ่งเป็นผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ จึงสั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดเชียงใหม่ฯลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการตรวจยึดป่าบริเวณดังกล่าวรวมพื้นที่ 1 งาน 25 ตารางวาพร้อมกับจับกุมคนงานทั้งสองคน ซึ่งคนงานทั้งสองให้การซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจากผู้นำชุมชนรายหนึ่ง เพื่อนำไปรังวัดออกเอกสารสิทธิ์ โดยมีการทำเป็นกระบวนการ ก่อนจะนำไปขายต่อให้นายทุนต่างชาติถิ่นไร่ละ 1 ล้านบาท และมีการขายไปหลายแปลงแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ขยายผลหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังให้เร็วที่สุด
ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเปิดเผยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทราบว่า กำนัน ด ผู้ใหญ่ ธ ไปให้ชาวบ้านถางป่าแล้วร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยหนึ่ง รังวัดออกเอกสารสิทธิ์ ก่อนจะนำขายให้นายทุนต่างชาติถิ่น ล่าสุดที่ดินแปลงติดถนนบริเวณดังกล่าวเตรียมขายให้คนญี่ปุ่นล้านกว่าบาท ส่วนแปลงติดกันบ้านเล็กๆสองหลังเป็นของหมวด ช ได้ขายให้กับนายทุนไปแล้ว และไปบุกรุกที่ใหม่ฝั่งตรงข้ามล้อมรั้ววางแท็งค์น้ำไว้เรียบร้อยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับนายสวัสดิ์ และนายคำ ข้อหา ร่วมกันทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันก่อสร้าง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีไว้ในครอบครองซี่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย , ร่วมกันยึดถือ ครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ส่ง สภ.หางดง ดำเนินคดีต่อไป