ประธานศาลฎีกา ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายแก่ศาลยุติธรรมภาค 8 ใน จ.กระบี่ – พังงา
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2566 นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้พิพากษาสมทบ และผู้ประนีประนอม ในพื้นที่ศาลยุติธรรมภาค 8 รวม 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต
โดยการตรวจเยี่ยมศาลวันแรก (28 กุมภาพันธ์ 2566) ตั้งแต่เวลา 09.40 – 16.30 น. นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยนายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ เลขาธิการประธานศาลฎีกา นายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายจรัล เตชะวิจิตรา รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา นายไตรรัตน์ แก้วศรีนวล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 และคณะ ตรวจเยี่ยมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกระบี่ ศาลจังหวัดกระบี่ ศาลแขวงกระบี่ ศาลจังหวัดพังงา และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพังงา ซึ่งศาลจังหวัดตะกั่วป่าได้เข้าร่วมการตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดพังงาด้วย โดยมีนายกมล กอบกัยกิจ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกระบี่ นายสนธยา จรเอียด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ นางอัจฉรา กอบกัยกิจ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงกระบี่ นายสุธี สระบัว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา นายศักดา เวียงแก้ว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตะกั่วป่า และนายวรชาติ เกลี้ยงแก้ว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพังงา พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกาได้มอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจน คณะผู้พิพากษาสมทบและผู้ประนีประนอม พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา และแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล ในการนี้ ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า การทำงานของศาลทุกศาลต้องมีการตั้งเป้าหมายและวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งแต่ละศาลอาจมีเป้าหมายที่แตกต่างกันตามภาระหน้าที่ ศาลจังหวัดและศาลแขวง เป้าหมายหลัก คือ การบริหารจัดการคดีให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาย่อมต้องวางแผนบริหารจัดการคดีให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่พึงให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการทำงานของศาล สำหรับศาลเยาวชนและครอบครัว ด้วยปริมาณคดีที่มีไม่มาก การบริหารจัดการคดีย่อมมิใช่เป้าหมายเดียว แต่มีเป้าหมายที่สำคัญอีกเป้าหมายหนึ่ง คือ การแก้ไข บำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดและการสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมในพื้นที่ที่ศาลนั้น ๆ ตั้งอยู่ โดยในส่วนนี้ผู้พิพากษาสมทบซึ่งล้วนเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิต สามารถนำประสบการณ์ต่าง ๆ จัดทำโครงการที่เป็นสาธารณประโยชน์แก่สังคม อันจะส่งผลให้ประชาชนชื่นชมและเห็นความสำคัญของศาลเยาวชนและครอบครัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันสังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์และพร้อมตรวจสอบการทำงานของศาลยุติธรรม ดังนั้น บุคลากรทุกภาคส่วนของศาลยุติธรรม พึงร่วมมือร่วมใจ ตั้งใจทำหน้าที่ของตนอย่างโปร่งใส ชัดเจน รวดเร็ว และเต็มกำลังความสามารถ เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของสังคมและประชาชน และคงความเชื่อมั่นศรัทธาให้แก่องค์กรศาลยุติธรรมสืบไป พร้อมเน้นย้ำว่า การบริหารจัดการคดีของศาลยุติธรรมพึงคำนึงถึงพระราชบัญญัติระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 และระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการกำหนดระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม พ.ศ. 2566 โดยศาลจังหวัดควรต้องพิจารณาพิพากษาคดีให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ การไกล่เกลี่ยโดยผู้ประนีประนอมจะเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่ช่วยทำให้ศาลสามารถพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกาได้กล่าวชื่นชมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพังงาที่บริหารจัดการคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำโครงการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สังคมจนทำให้ได้รับคัดเลือกจากสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 ให้เป็นศาลดีเด่นเพื่อประชาชนในรอบแรก โดยโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นั้น จัดขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี พัฒนาระบบงานศาลและยกระดับการให้บริการประชาชน ตามนโยบายประธานศาลฎีกา “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” โดยเป้าหมายสูงสุดของโครงการคือการสร้างความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันศาลยุติธรรมให้สมกับเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการประกาศผลการคัดเลือกภายในวันที่ 15 มีนาคม 2566
ซึ่งระหว่างการตรวจเยี่ยมศาล ประธานศาลฎีกาได้พบปะพูดคุยกับผู้พิพากษาที่ห้องพัก รวมทั้งให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการดำรงตนและการปฏิบัติหน้าที่ โดยเน้นเรื่องการทำงานอย่างมีความสุขและความสามัคคีของบุคลากรภายในองค์กร นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกาได้ทักทาย พูดคุยและรับฟังปัญหาข้อขัดข้องจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามส่วนงานต่างๆ รวมถึงให้กำลังใจในการปฏิบัติงาน และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกาและคณะมีกำหนดการที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศาลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในวันนี้ 1 มีนาคม 2566 ต่อไป