เชียงใหม่ หลอกขายที่ดินจัดสรรทิพย์พบเหยื่อนับพันราย สาวใหญ่ตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับเจ้าของโฉนดก่อนจะมาแบ่งขายให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ ผ่อนกับบริษัทโดยตรง สุดท้ายโดนเชิดเงินมัดจำและเงินค่างวดบางรายเป็นผู้มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำเก็บเงินมาทั้งชีวิตหวังอยากมีบ้านเป็นของตัวเองสุดท้ายฝันสลาย ถูกหลอกให้ผ่อนที่ดินสูญเงินหลายแสน ตรวจสอบพบเหยื่อหลงกลนับพันรายคาดมูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้าน
กลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกซื้อที่ดินจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แห่งหนึ่งกว่า 20 ราย นำเอกสารหนังสือสัญญา ใบเสร็จรับเงิน สำเนาโฉนดที่ดินหลายแปลงมายืนยันกับผู้สื่อข่าวหลังจากได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินจัดสรร จากบริษัทดังกล่าวหลังมีการโฆษณาขายที่ดินผ่านโลกโซเชี่ยลและป้ายโฆษณา หลายสื่อ ซึ่งเป็นลักษณะ ขายที่ดินจัดสรร ผ่อนกับเจ้าของโครงการ 3 ปี โดยตรงไม่ผ่านธนาคาร พร้อมกับสาธารณูปโภค ถนน น้ำประปา ไฟฟ้า ครบ ก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีเป็นที่ดินไม่ใช่ของบริษัท กลายเป็นว่าผู้เสียหายผ่อนกระดาษเปล่า พอทวงถามกลับถูกบ่ายเบี่ยง จนต้องรวมตัวกันแจ้งความแต่คดียังไม่คืบหน้า
ด้านนายนัตถ์ธนินทร์ สินเจริญ ชาว จ.อยุทธยา หนึ่งในเหยื่อที่ถูกหลอก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เห็นโฆษณาขายที่ดินจัดสรรจากบริษัทดังกล่าวทางโลกออไลน์ จึงได้ติดต่อกับบริษัท เนื่องจากสนใจจะซื้อที่ปลูกบ้านให้ลูกสาวที่อยากมาเรียนที่ จ.เชียงใหม่ และได้เดินทางไปดูที่ดินในพื้นที่ อ.เมืองลำพูน พื้นที่ติดกับ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และมีการทำสัญญาซื้อขายโดยมีการวางเงินมัดจำ 40 % และโอนเงินผ่อนชำระกับบริษัทจนเกือบจะครบแล้ว มาทราบภายหลังว่าที่ดินผืนที่ตนซื้อไม่สามารถโอนได้ ทางบริษัทจึงโยกที่ดินบริเวณหมู่บ้านน้ำโจ้ อ.สารภี ขายให้แทนแต่ก็มีปัญหาโอนที่ดินไม่ได้ เนื่องจากบริษัท ของเจ๊ แอ๊ปเปิล ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว ตนจึงสอบถามไปยังเซลล์ของบริษัท และนำสำเนาโฉนดที่ดินไปตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินอำเภอสารภี พบว่ามีคนอื่นเป็นผู้ครอบครอง ร่วมกับหลายคนเกินจำนวน ปริมาณที่ดินจะแบ่งขายก่อนที่จะพบว่ามีการขายที่ดินให้รายอื่นไปแล้ว ก่อนจะขอข้อมูลจากเซลล์ของบริษัทที่ลาออกไปแล้วพบว่าบริษัทมีที่ดินจัดสรรขายกระจายหลายอำเภอรอบตัวเมืองเชียงใหม่ รวม 12 แปลง มีผู้ทำสัญญานับพันคน
โดยพฤติกรรมของเจ๊แอปเปิล จะตั้งบริษัท บังหน้ารับซื้อที่ดินเพื่อนำมาจัดสรรขาย โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายกับเจ้าของที่ดินแล้ววางเงินมัดจำโดยขอยืมหน้โฉนดที่ดินมาแอบอ้างกับลูกค้าว่าจะจัดสรรที่ดินขาย โดยบอกกับเจ้าของที่ดินว่าจะมีการชำระเงินที่ค้างไว้ให้ทีหลัง พอหลังจากนั้นจะจ้างบริษัท รับเหมาก่อสร้างมาพัฒนาพื้นที่ ถมที่ ทำถนน ตั้งสำนักงานโครงการชั่วคราว ให้ดูน่าเชื่อถือ ก่อนจะประกาศขายที่ดิน ผ่านโซเชี่ยลและโฆษณาอื่นๆ ผ่านเซลล์ ของบริษัท คล้ายโครงการหมู่บ้านจัดสรร หลังจากลูกค้าหลงเชื่อก่อจะนัดมาทำสัญญา ที่สำนักงานโครงการ โดยมีการแนบสำเนาโฉนดที่ถูกปกปิดข้อมูลผู้ครอบครอบ หรือข้อมูลผู้ครอบครองไม่ครบถ้วนมาให้ลูกค้าดูเพื่อความมั่นใจ หลังจากนั้นจึงเก็บค่ามัดจำ 40 % โดยให้ลูกค้าจ่ายค่างวดทุกเดือนเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งในสัญญาระบุว่าหากผ่อนค่างวดไปได้ 3 เดือน สามารถเข้ามาดำเนินการพัฒนาที่ดินทำรั้ว ปลูกบ้านได้จนขายที่ดินแปลงนั้นๆให้ลุกค้าจนหมดแต่ไม่นำเงินไปจ่ายให้กับเจ้าของที่ดิน ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้ ทำให้ลูกค้าบางรายที่ผ่อนชำระค่างวดจนครบแต่ไม่สามารถโอนที่ดินได้ ทางบริษัทจะหลอกว่าที่ดินมีปัญหา แล้วเปลี่ยนสัญญาให้ไปซื้อที่ดินแปลงอื่นแทนหมุนเปลี่ยนที่ดินไปเรื่อยๆ จนปิดบริษัทหลบหนีไป
นายนัตถ์ธนินทร์ สินเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในกลุ่มผู้ที่ถูกหลอกทราบว่าที่ดินแปลงที่ตนทำสัญญาซื้อจากบริษัท ได้มีการขายที่ดินแปลงดังกล่าวซ้อนกับถึง 3 ราย และทราบว่าทางบริษัทได้หลอกขายที่ให้กับแรงงานต่างด้าวหลายแปลง ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวหลังจากถูกหลอกแล้วไม่กล้าติดตามทวงคืนเงินจากบริษัทได้เนื่องจากกลัวถูกจับอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลูกค้าหลายรายทราบว่าถูกหลอกจึงได้รวมตัวกันแจ้งความไว้ที่โรงพักต่างๆในพื้นที่ ที่ซื้อที่ดินแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่อยากได้เงินคืนเกรงว่าเจ๊แอ๊ปเปิ้ล จะหนีไป และมีหลอกลวงจัดสรรที่ดินขายพื้นที่อื่นอีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการทางการกฎหมายกับกลุ่มคนพวกนี้อย่างเร่งด้วย
ขณะที่นายเอ นามสมมุติ อายุ 45 ปี หนุ่มไรเดอร์ กล่าวว่าหลังจากทราบว่าถูกหลอกซื้อที่ดินตนกับแฟนแทบซ็อค เนื่องจากตนทั้งสองนำเงินที่สะสมมาทั้งชีวิตรวม 3 แสนกว่าบาทมาวางมัดจำกับบริษัท ผ่อนไปได้เกือบปี เงินสะสมมาทั้งชีวิตหวังที่จะสร้างบ้านอยู่มีครอบครัวที่อบอุ่นเนื่องจากทุกวันนี้ตนทั้งสองต้องเช่าที่ดินวัดอยู่อาศัย อย่างไรก็ตามตนยังมีความหวังที่จะได้เงินก้อนดังกล่าวคืนถึงแม้อาจจะได้คืนไม่ครบก็ตาม
ส่วนนางสาวเจี๊ยบ เปิดเผยว่า ตนได้ทำสัญญาซื้อที่ดินในพื้นที่ อ.สันกำแพง จากบริษัทรวมทั้งหมด 5 แปลง โดยจ่ายเงินค่ามัดจำและค่างวดรวมเกือบ 1 ล้านบาท หวังว่าจะซื้อไว้ปลุกบ้านอยู่อาศัยกับพี่สาว ที่กำลังจะกลับจากเมืองนอกเร็วๆนี้ ฝันที่วาดไว้คงจะสลายไป อย่างไรก็ตามเมื่อฟังเรื่องราวจากคนอื่นๆที่ลำบากกว่าตนยังพอมีกำลังใจที่จะต่อสู้ และทวงความยุติธรรมบ้างและขอให้ทุกคนที่ถูกหลอกได้รับความยุติธรรมเร็วๆนี้
ด้านว่าที่ร้อยตรี อุทัน ใบยา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสารภี ให้ข้อมูลว่า กรณีแบบนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะการโฆษณาซื้อขายที่ดินตามสื่อสังคมออนไลน์ ทางสำนักงานที่ดินไม่มีสิทธิ์ไปตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ให้คำแนะนำว่า ก่อนที่จะตัดสินใจจะมัดจำซื้อที่ดิน หากผู้ที่จะซื้อมีข้อสงสัยในที่ดินแปลงใด สามารถเข้าไปตรวจสอบโฉนดคู่ฉบับที่สำนักงานที่ดินได้ เพราะเอกสารสิทธิ์ในที่ดินในทะเบียนที่นำมาให้ดูนั้นอาจไม่อัพเดท ทางที่ดีเข้าไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ที่ดินจะดีที่สุด เพราะคนที่คิดจะหลอกมีวิธีการต่างๆมากมาย ทั้งนี้ต่อไปให้เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานที่มรอำนาจเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องสอบสวน โดยให้ตัวแทนผู้เสียหายพยายามติดตามเรื่องดังกล่าว