วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2566) เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด โดยได้ พูดคุยกับระดับศาสตราจารย์ ของมหาวิทยาลัย มีการพูดคุยใน2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกการพัฒนาสตาร์ทอัพ ที่ประเทศไทย ยังไม่มียูนิคอร์น หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง เกิน 36,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศ หรือคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาอยู่ในประเทศไทย ได้พัฒนาธุรกิจให้กลายเป็นยูนิคอร์นให้ได้
ประเด็นที่สอง มีการหารือความร่วมมือการแก้ปัญหาการทำลายป่าและการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเดือนหน้าจะเข้าสู่ช่วงที่ฝุ่น Pm 2.5 มีปริมาณสะสมสูงแล้ว โดยอาจจะทำเป็นแซนด์บ็อกซ์ ในเมืองหนึ่ง หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อให้สังคมมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา pm 2.5 ลดลง
สำหรับการพบกับนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นนักศึกษาระดับท็อป หรือ ระดับมันสมองของประเทศ แต่ส่วนมากบอกว่าหลังสำเร็จการศึกษาแล้วจะหาประสบการณ์ การทำงานในต่างประเทศก่อนซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำให้มีความกังวลว่าคนเหล่านี้จะกลับไปทำงานที่ประเทศไทยหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะทำให้นักศึกษาเหล่านี้มีความสบายใจว่าเมื่อกลับประเทศแล้วจะมีงานที่เหมาะสม มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นอนาคตที่ดีของประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากที่พบกับนักศึกษาไทย ในมหาลัยสแตนเฟิร์ด อยากให้ช่วยเรื่องใดบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า นักศึกษาเหล่านี้มีความรักบ้าน แต่ก็ห่วงอนาคตตัวเอง เมื่อกลับไปประเทศไทยอยากมีงานที่ดีรองรับ หลายคนที่เป็นนักศึกษาทุน ต้องกลับไปใช้ทุน แต่หลายคนที่เรียนเกี่ยวกับงานด้านวิจัย ทำงานงานวิจัย อยู่ที่สหรัฐฯจะมีรายได้สูงกว่าได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หากกลับไปเมืองไทยรายได้ก็ต่ำจึงมีความกังวลเรื่องนี้