วันนี้ (27 ธันวาคม 2566) เวลา 15.00 น. ณ ศาลาเจษฎาบดินทร์ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศลใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเครื่องไทยธรรม จำนวน 10 ชุด สำหรับในพิธี ทั้งนี้ พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์ รวม 10 รูป โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษาและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยคณะกรรมการ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ตลอดจนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติ เครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และหน่วยงานภาคีเครือข่ายของมูลนิธิฯ เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) และกลุ่มศิลปินอิสระ’96 เข้าร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียง
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้กำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน โดยในครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 15 ประจำเดือนธันวาคม พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนา ถวายผ้าไตรจีวร เครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์ ตลอดพิธีในวันนี้คณะสงฆ์และผู้ร่วมพิธี ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ องค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพมูลนิธิฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งตามพระดำริของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพมูลนิธิฯ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยพิบัติที่รุนแรง คือการร่วมกัน ระดมองค์ความรู้ นวัตกรรม กำลังแรงกาย ทุนทรัพย์ และจิตสาธารณะเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างครบวงจร รวมทั้งการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ผู้ทุกข์ยากน้อยกว่า ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากมากกว่า ผู้ที่แข็งแรงช่วยผู้อ่อนแอ โดยมุ่งเน้นการประทังชีวิตและ การฟื้นฟูสภาพจิตใจ มูลนิธิฯ ตลอดระยะเวลา 28 ปี มูลนิธิฯ ปฏิบัติงานและยึดหลักภายใต้แนวคิด “แบ่งปัน พอเพียง ยั่งยืน”