กลุ่มทนายดังพาผู้เสียหายคดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ เข้าแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง สายไหมตัองรอด แฉ ‘ขบวนการเทวดา’ เตือนบอสพอลเทวดาอาจจะโกรธและไม่ปลอดภัยควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจดีกว่า พยานปากสำคัญเข้าให้ข้อมูล เผยสั้นๆ กับสื่อ จ่ายเงินเทวดาหลักหมื่นล้านตั้งแต่ปี 63

Mummai Media

กลุ่มทนายดังพาผู้เสียหายคดี 'ดิไอคอนกรุ๊ป' เข้าแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง สายไหมตัองรอด แฉ 'ขบวนการเทวดา' เตือนบอสพอลเทวดาอาจจะโกรธและไม่ปลอดภัยควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจดีกว่า พยานปากสำคัญเข้าให้ข้อมูล เผยสั้นๆ กับสื่อ จ่ายเงินเทวดาหลักหมื่นล้านตั้งแต่ปี 63

วันนี้ (15 .. 67)  กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กลุ่มเพื่อนทนายความ และนักเคลื่อนไหวช่วยเหลือสังคม นำโดย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด นายเดชา กิตติวิทยานันท์ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ นายรัชพลศิริสาคร ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล นายนิติธร แก้วโต นายแทนคุณ จิตอิสระ พร้อมด้วย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พากลุ่มผู้เสียหายจากดิไอคอนกรุ๊ป กว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้มีการรวมตัวทนายความเพื่อให้มาดูแลผู้เสียหายทั้งหมดโดยจะให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 คนจะดูแลตั้งแต่วันที่แจ้งความ และจนกว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินเยียวยาโดยเจตนาของทีมทนายความ คือต้องการให้ผู้เสียหายมั่นใจ พร้อมบอกว่าทีมทนายยินดีที่จะช่วยเหลือผู้เสียหาย

นายษิทรา ยังกล่าวถึงรายการโหนกระแสว่า เห็น บอสพอลร้องไห้ ซึ่งตนเองมองว่า เป็นการเรียกกระแส เพราะในอีกรายการนึงที่ไปออกเดอะแสตนดาร์ด ก็มีการพูดในเชิงลักษณะที่จะไม่มีการรับผิดชอบผู้เสียหายอีกทั้งยังมีการโยนความผิด หรือโยนคดีต่างๆ ให้กับกลุ่มแม่ข่ายอ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง แต่แท้จริงแล้วคนที่ทำธุรกิจ และเป็นบอสใหญ่จะมาบอกว่าตนเองไม่รู้เรื่องนั้นมองว่าเป็นไปไม่ได้

นายษิทรา ฝากไปถึงแม่ข่ายที่กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อน ให้ติดต่อมาหาทีมทนายความ เพราะหากไม่เข้ามาให้ข้อมูลก็จะตกเป็นแพะในเรื่องนี้ อย่างสโลแกนของบอสพอลที่บอกว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” กรณีนี้มองว่าบอสพอลก็จะพาทุกคนไปติดคุกกันให้หมดมาเป็นผู้ต้องหาร่วมด้วยให้หมด แม้แต่ดารา นักการเมือง ทนายความ นักร้องเรียน ที่รับเงินรายเดือน

กลุ่มทนายดังพาผู้เสียหายคดี 'ดิไอคอนกรุ๊ป' เข้าแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง สายไหมตัองรอด แฉ 'ขบวนการเทวดา' เตือนบอสพอลเทวดาอาจจะโกรธและไม่ปลอดภัยควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจดีกว่า พยานปากสำคัญเข้าให้ข้อมูล เผยสั้นๆ กับสื่อ จ่ายเงินเทวดาหลักหมื่นล้านตั้งแต่ปี 63

ด้าน นายเดชา กล่าวว่า ขณะนี้แม่ขายต่างๆ ได้เริ่มอัดคลิปข่มขู่พยานโดนข่มขู่ว่าใครมาแจ้งความดำเนินคดี ก็จะเข้าข่ายแจ้งความเท็จ ตนจึงนำคลิปหลักฐานที่ทางแม่ข่ายข่มขู่ว่าหากใครแจ้งความก็จะถูกดำเนินคดี ซึ่งตนเองอยากบอกว่า ก่อนจะได้นำใครเข้าคุก ตนเองจะเอาคนพูดเข้าคุกก่อนในฐานะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะรวบรวมพยานหลักฐานมาแจ้งความเอาผิดกับแม่ข่ายกลุ่มเหล่านี้ ดังนั้น ขอให้ผู้เสียหายทุกคน ได้มั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกลางเคียงข้างประชาชนไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน 

ส่วนทนายรัชพล ระบุว่า ตอนนี้พยานหลักฐานค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่าการชักชวนเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เพราะหากเป็นในส่วนของบริษัทก็จะต้องมีพนักงาน มีการจ่ายประกันสังคมเป็นรูปแบบบริษัท แต่เท่าที่ดูยังไม่มีการชี้แจงในประเด็นนี้ เมื่อวานนี้บอสพอลออกมายอมรับเองว่าหลายๆ บอสรับค่าจ้างจากส่วนแบ่งการขายสินค้า ซึ่งตนอยากเห็นในเรื่องของการบรรเทาทุกข์ในเรื่องของการเยียวยาค่าเสียหาย ซึ่งยังไม่เห็นคำชี้แจงจากทางบริษัท ส่วนคนที่จะออกมาแจ้งความไม่ต้องกลัวว่าจะถูกข้อกล่าวหาข่มขู่หรือหมิ่นประมาท โดยทางมูลนิธิของตน และทีมทนายพร้อมยินดีให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อหรือแจ้งเข้ามาได้ 

กลุ่มทนายดังพาผู้เสียหายคดี 'ดิไอคอนกรุ๊ป' เข้าแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง สายไหมตัองรอด แฉ 'ขบวนการเทวดา' เตือนบอสพอลเทวดาอาจจะโกรธและไม่ปลอดภัยควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจดีกว่า พยานปากสำคัญเข้าให้ข้อมูล เผยสั้นๆ กับสื่อ จ่ายเงินเทวดาหลักหมื่นล้านตั้งแต่ปี 63

ขณะที่ นายเอกภพ เผยว่า ได้รับข้อมูลจากบุคคลหนึ่งที่อ้างว่าเคยอยู่ในเครือข่ายบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ตั้งแต่สมัยก่อตั้งบริษัท ว่า บริษัทนี้ และบางบอส มีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล ซึ่งขอใช้คำว่าเทวดา” มีการเซ่นไหว้เทวดา โดยมีการใช้เงินสดแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า USTD ซึ่งผู้ที่ให้ข้อมูลมีหลักฐานว่า ไปเบิกเงินสดที่ไหน และไปแลกเป็นเงินคริปโตสกุล USTD ที่ใด โดยเปิดเผยเบื้องต้นกับสื่อว่าไปแลกเงินกับกลุ่มธุรกิจสีเทา จึงเอาข้อมูลมาให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพราะมีความเชื่อมั่นว่าจะทำความจริงให้ปรากฏ 

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า หากวันนี้ยังมีใครโทรศัพท์มาหาตนเองเพื่อให้ไม่พูดอะไร ตนเองจะเอ่ยชื่อ พร้อมฝากไปถึงแม่ข่ายและบอสบางคนที่อยู่ในกลุ่มบอส 3 คนที่เป็นตัวจักรสำคัญของเรื่อง ว่าวันนี้บอสใหญ่เอาคุณเป็นเหยื่อ ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ตนเองเชื่อว่าเหยื่อมักจะไม่รอด ดังนั้นควรรีบออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจ 

อีกทั้ง ตัวบอสพอลที่มีคลิปสนทนารับสินบนหลุดออกมา ตนเองเชื่อว่าไม่ได้หลุดออกมาจากฝั่งที่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนจะหลุดจากฝั่งไหนเชื่อว่าเจ้าตัวก็ทราบดี และเชื่อว่า วันนี้เทวดาคงจะไม่พอใจเพราะกังวลว่า การเจรจาของเขาจะถูกบันทึกเสียงไว้ ดังนั้นหากบอสพอลหายไป คนที่เรียกรับผลประโยชน์ก็จะปลอดภัย ฉะนั้นตนจึงเชื่อว่าบอสพอลตกอยู่ในอันตราย จึงขอให้มาร่วมมือกับพวกเรา และมาเปิดข้อมูลเถอะว่าใครเป็นคนเรียกรับ แล้วจะปลอดภัย 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเทวดาที่พูดถึงอยู่พรรคไหนหรือสีอะไร นายเอกภพ ไม่ตอบ บอกเพียงว่าถ้าพูดแล้วจะรู้เลย แต่ยืนยันว่าเทวดามีหลายสี พร้อมฝากบอกผู้ใหญ่ในรัฐบาล ทั้งรัฐบาลก่อน และรัฐบาลปัจจุบัน ขอให้หยุดการกระทำ แล้วไม่ต้องให้ใครมาติดต่อแทน พร้อมฝากถึงตำรวจบางหน่วยงานที่รับเครื่องเซ่นอยู่ ขอให้หยุดการกระทำ พร้อมกล่าวอีกว่าตนเองทราบมาว่ามีตำรวจในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ทราบเรื่องนี้ด้วย แต่ยังเชื่อมั่นในตัวผู้บัญชาการ 

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อว่าขณะนี้ เทวดาอยู่ต่างประเทศหรือไม่นายเอกภพ ยืนยันว่า เทวดาอยู่ที่ประเทศไทย ส่วนตอนนี้เทวดาไปเที่ยวจีนอยู่หรือไม่ นายเอกภพ ตอบว่า “ตอบไม่ได้ครับ เดี๋ยวตอบแล้วจะรู้ครับ” 

ส่วนตอนนี้เทวดายังอยู่ในรัฐบาลหรือไม่ นายเอกภพ ยังยืนยันว่า ตอบไม่ได้ หากตอบไปจะรู้ ส่วนเทวดาเคยมีข่าวกับทุนสีเทาหรือไม่ นายเอกภพระบุว่า “มีหลายคน” 

นายเอกภพ ยืนยันอีกว่า เทวดามีอำนาจมาก ซึ่งนายษิทรา เบี้ยบังเกิดจะกล่าวแทรกว่า น่าจะเป็นเทวดาระดับใหญ่กว่าที่มีคลิปเสียง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เทวดาดูแลนานแค่ไหนแล้ว นายเอกภพ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการให้รัฐมนตรีคนหนึ่งคอยคุย ส่วนปัจจุบันจะมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ พร้อมยืนยันว่าเป็นผู้ชาย และไม่บอกอายุ เพราะจะชี้ชัดเกินไป รวมถึงไม่ตอบด้วยว่า ใช่คนที่ออกสื่อบ่อยๆหรือไม่ 

ในช่วงหนึ่งของการตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวถามว่าเทวดาท่านนี้อยู่ในเมืองหรือไม่ นายษิทราพูดขึ้นว่า “อยู่ในป่าหรือเปล่า“ ก่อนที่นายเอกภพ จะบอกว่า ไม่เข้าใจคำถาม และบอกเพียงว่า “เทวดาอยู่บนฟ้า” 

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า ตนเองมีข้อมูลว่าสมาชิกในเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป จากที่บอสพอลเปิดเผยว่า มีสมาชิกปี 2565 เกือบ 500,000 คนตนเองมีข้อมูลว่า ในปี 2556-2567 หลังมีดาราเข้ามาร่วมโปรโมท มีจำนวนสมาชิกมากกว่านั้น รวมถึงกรณีที่บอสพอพูดในรายการว่าทุกคนต้องเปิดบิลกับบริษัทเท่านั้น ตนมีหลักฐานว่าการเปิดบิลนั้น มีการจ่ายกับแม่ทีม ไม่ได้เปิดที่บริษัท ซึ่งตัวเลขต่างๆ คงต้องให้ตำรวจขยายผล 

อย่างไรก็ตาม นายเอกภพ พานายเอ (นามสมมุติ) 1 ในอดีตผู้ที่เคยร่วมอยู่ร่วมในขบวนการจ่ายเงินให้กับเทวดาเพื่อคุ้มครอง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ในด้านกฎหมาย พร้อมให้เปิดเผยกับสื่อมวลชน ถึงสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่ามีการจ่ายเงินให้กับเทวดา โดยเจ้าตัว อ้างว่า มีการจ่ายเงินให้เทวดา ส่วนจำนวนที่จ่ายเยอะหรือไม่ หรือเป็นการจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ นายเอ ตอบว่า ระดับหมื่นล้าน เป็นเงินสกุลบาท โดยมีการจ่ายเทวดาหลายคนตั้งแต่ปี 2563 

ส่วนเงินที่จ่ายแลกกับการคุ้มครองอะไรบ้างนั้น นายเอ กล่าวว่า มีการคุ้มครองของหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก ประกอบด้วย ดีเอสไอ สอทและ ปคบ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นหน่วยงาน สคบหรือ ปคบ.  นายเอกภพ กล่าวเสริมว่า มีทั้ง 2 หน่วยงาน ส่วนมีการจ่ายเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่นั้น นายเอ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเทวดาเป็นผู้จัดสรร แล้วเทวดาก็มีหน้าเสื่อออกหน้าดำเนินการแทน 

ในตอนท้าย ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยน เทวดาเปลี่ยนตัวด้วยหรือไม่ นายเอ ตอบว่า “เทวดาคนเดิม แต่ตอนนี้เทวดาไม่มีอำนาจแล้ว

กลุ่มทนายดังพาผู้เสียหายคดี 'ดิไอคอนกรุ๊ป' เข้าแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง สายไหมตัองรอด แฉ 'ขบวนการเทวดา' เตือนบอสพอลเทวดาอาจจะโกรธและไม่ปลอดภัยควรออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจดีกว่า พยานปากสำคัญเข้าให้ข้อมูล เผยสั้นๆ กับสื่อ จ่ายเงินเทวดาหลักหมื่นล้านตั้งแต่ปี 63