ศาสตราจารย์ ดร. สุทธิศักดิ์ พงศ์ธนาพาณิช อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โพสต์FB ส่วนตัว Sutthisak Phongthanapanich โดยระบุว่า มีคนถามผมเรื่องที่นายกพูดกลางที่ประชุม…ว่าคิดยังไง ต้องตอบว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมืองครับ นักการเมืองรักกันที่ผลประโยชน์ลงตัว เรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้ครับ
ส่วนถ้าจะให้ตอบว่ารัฐบาลควรอยู่หรือไป ผมก็ไม่แน่ใจเพราะยังไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกอีกหลายประการ แต่ถ้าประมวลจากข้อมูลในปัจจุบัน ผมคิดว่ารัฐบาลผิดพลาดใหญ่ 3 เรื่อง คือ
1 ไม่สามารถคุม social media ได้เลย (ผมให้น้ำหนักมากที่สุด) ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและอาจนำมาซึ่งจุดจบของรัฐบาล เพราะผลเลวร้ายที่เกิดในขณะนี้ ไม่ว่าการเห็นผิดเป็นชอบของเยาวชนที่ขาดทักษะชีวิต คนไม่เชื่อมั่นวัคซีนจัดโดยรัฐบาล การย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องเลวร้ายยิ่งทำให้ประชาชนจิตตกและสับสน ถูกชักจูงง่ายขึ้น เพราะขาดสติ…ล้วนเกิดจากเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า social media
2 ผลจากข้อ 1 ทำให้ต้องบริหารประเทศตามกระแสใน social media จนต้องโกหกประชาชนในหลาย ๆ เรื่อง ทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลต่ำมาก ภายใต้วิกฤตที่เกือบไม่มีโอกาสชนะแบบนี้ ความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำสำคัญที่สุด (ดูจีนเป็นตัวอย่าง) ล่าสุดเห็นข่าวนายกสั่งศึกษาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร อดนึกสงสารจับใจเลย มาสั่งอะไรตอนนี้ มันทำให้คิดได้หรือเปล่าว่า ที่ผ่านมานายกไม่เคยเชื่อประสิทธิภาพและไม่เคยสนับสนุนของสมุนไพรไทยเลย พอเริ่มเห็นว่าได้ผลจะสั่งการเพื่อเคลมผลงาน บางคนบอกผมว่า แกอยู่ในสภาพกำขี้ดีกว่ากำตด…ใครวางยานายกหรือเปล่า
3 นายกอาจจะเป็นคนรุ่นเก่าที่ยังไม่เข้าใจประโยชน์ของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI สมัย ดร.สุวิทย์ เป็น รมต. แกลงทุนงานวิจัยแบบถมทะเลไปเยอะมาก แต่ผมยังไม่เห็น outcome ที่ชัดเจนเลย ถ้าตอนนี้เรามีบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการแปลผลหรือพยากรณ์จาก big data ด้วย AI และนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ มันจะทำให้การวางแผนมีโอกาสถูกต้องมากขึ้น
อย่างน้อยผมคิดว่าช่วงสงกรานต์เดือนเมษายนที่ผ่านมา นายกคงไม่ตัดสินใจประเภท อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแบบนั้น เช้านี้เห็นข่าวคนนอนตายกลางถนน ผมว่ารัฐบาลเพลี้ยงพล้ำแล้ว เพราะข่าวแบบนี้มันถูกจริตคนไทยมาก
ปล ขออธิบายความหมายของผู้เชี่ยวชาญ ให้คนทั่วไปได้เข้าใจกัน ในฐานะที่ผมเองก็เป็นนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญจะรู้ลึกเฉพาะในสาขาปลีกย่อยที่ตนเองศึกษาและวิจัย ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง เช่น ด้านวิศวกรรมเครื่องกล อาจจะเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องปรับอากาศ แต่อาจจะไม่เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์…แต่สำหรับเรื่องโรคระบาดจากไวรัสที่ยังกลายพันธุ์ได้อีก ทุกอย่างก็เป็นได้แค่การคาดการณ์จากข้อมูลและประวัติเก่า ๆ แต่การที่เราไม่รู้ต้นกำเนิดที่แท้จริงของโควิด 19 ทำให้ทุกอย่างยังคลุมเครือเอามาก ๆ ดังนั้น ประสิทธิผลของการใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญอาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ…จึงจำเป็นต้องใช้ AI ในการประมวลผลจากข้อมูลปัจจุบันประกอบ จึงจะช่วยให้การคาดการณ์ดีขึ้นได้
สรุป รัฐบาลควรอยู่หรือไม่ ผมไม่มีคำตอบครับ แต่คิดว่าราวเดือนตุลาคม น่าจะเป็นทิศทางชัดเจนขึ้น…