วันนี้ (3 ต.ค.68) เวลา 15.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา จ.สุรินทร์ ตรวจติดตามการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
นายกฯ ทักทายพูดคุยกับประชาชนและทหารผ่านศึก โดยย้ำว่ารัฐมนตรีจะมาช่วยเหลือประชาชนและทำให้เรื่องต่าง ๆ ดีขึ้น ยืนยันรัฐบาลเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว โดยเฉพาะการโอนเงินเยียวยา “บ่ต้องห่วงนะ เงินเยียวยาอาทิตย์หน้าเข้ากระเป๋าประชาชนทุกคน” รวมถึงการสร้างบังเกอร์หลุมหลบภัย ขอไม่ต้องกังวล
“ที่มาวันนี้มาด้วยความตั้งใจ เพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ไม่เพียงเฉพาะชาวสุรินทร์ แต่รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกจังหวัด พร้อมรับฟังความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็จะใช้การทูตเจรจาเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดและไม่เสียเปรียบ เพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติให้ดีที่สุด”
ในตอนท้าย นายกฯ กล่าวว่าจะกลับไปดูเรื่องการเยียวยา เรื่องความปลอดภัย รวมถึงเรื่องหนี้สิน ราคาสินค้าเกษตร และสวัสดิการฟอกไตฟรี ให้โดยเร็ว พร้อมฝากความห่วงใยและอวยพรให้ประชาชนทุกคนปลอดภัยจากภัยอันตราย
“นายกฯ” ยันรัฐบาลสนับสนุนกองทัพทุกอย่าง ขอชาวบ้านมั่นใจไม่มีเปิดด่าน สร้างรั้วไม่ได้รุกล้ำใคร
เวลา 16.20 น. ณ โรงเรียนพนมดงรักวิทยา จ.สุรินทร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการรับฟังสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เราต้องให้การสนับสนุนกองทัพ แม้จะยังไม่มีการปะทะ แต่เราเตรียมความพร้อมและแสนยานุภาพที่ดี ตลอดเวลา ถือเป็นหลักในการเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย ส่วนการสนับสนุนอะไรบ้าง คงไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ขอให้มั่นใจว่า ผืนแผ่นดินของประเทศไทย ไม่มีใครสามารถเข้ามารุกราน คุกคามประชาชนได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์มีการขอสนับสนุน anti-drone นั้น กองทัพวางแผนอยู่แล้ว ส่วนกรณีประชาชนขอยังไม่ให้เปิดด่าน เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่อาจเกิดการปะทะอีกครั้ง แทบจะเป็นฉันทานุมัติของประชาชน ไม่มีใครอยากให้เปิดด่านเลยสักคน ดังนั้นรัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน เรื่องเปิดด่านขอให้มั่นใจว่า จะไม่มีวันเกิดขึ้นจนกว่าเงื่อนไข หรือสิ่งที่จะประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยได้รับการยอมรับ และทำให้เรามั่นใจถึงจะพิจารณา
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ให้ทางกองทัพกำหนดว่า จะสร้างรั้วตรงไหน เมื่อไร อย่างไร โดยรั้วจะมีหลายรูปแบบ ให้เป็นไปตามภูมิประเทศ ซึ่งเราจะเราสร้างอยู่ในแนวเขตของประเทศเรา ไม่ได้ไปรุกล้ำใคร
“อย่าลืมนะ จำคำถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่สหประชาชาติ เราเป็นผู้ที่ถูกรุกล้ำ ดังนั้น หลักตรงนี้เราจะทำให้ประชาคมโลก เกิดความมั่นใจว่า เราทำทุกสิ่งเพื่อรักษาอธิปไตย และเกียรติภูมิของประเทศเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว