สว.น่าน “มังกร ศรีเจริญกูล” สุดทน! ลุกขึ้นแฉความช้ำของผู้สูงอายุ ถูกเรียกเงินคืนเบี้ยยังชีพย้อนหลังเป็นสิบปี บางรายโดนเป็นแสน เผยต้นตอระบบราชการไม่เชื่อมข้อมูล ทำคนแก่เดือดร้อนทั่วประเทศ วอน “มหาดไทย-พม.” เลิกทำงานแบบตัวใครตัวมัน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้!
วันที่ 7 ต.ค.68 นายมังกร ศรีเจริญกูล สมาชิกวุฒิสภา จ.น่าน ขอหารือต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาถึงปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุว่า ได้รับเอกสารจากผู้สูงอายุเป็นทหารผ่านศึกซึ่งมีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือความพิการจากองค์การบริหารผ่านศึก คนละ 2,000-4,000 บาท แต่กลับไม่ได้รับเงินผู้สูงอายุจากกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเป็นเงินช่วยเหลือที่อยู่คนละกระทรวง
นอกจากนี้ ยังพบว่าบางคนพิการหูตา ได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และได้เงินผู้สูงอายุ แต่กลับได้รับไม่เหมือนกันกับผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นข้าราชการบำนาญ เช่น จ.นครราชสีมามีผู้สูงอายุ 610 ราย ถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพ จ.กำแพงเพชรถูกมีผู้สูงวัยถูกเรียกเงินคืนเรียกคืนครึ่งแสน และที่จ.ชุมพรมีผู้ถูกเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลังถึง 11 ปี
“ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่ข้อมูลระหว่างกรมบัญชีกลางและองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นในอดีตไม่มีการเชื่อมโยงกัน ทำให้ผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ์เงินช่วยเหลือจากรัฐซ้ำซ้อนกัน ถูกมองว่าไม่เป็นธรรมและถูกตัดสิทธิ์ ในขณะที่ผู้สูงอายุบางรายยังคงต้องพึ่งเบี้ยยังชีพเพื่อความอยู่รอด” นายมังกรกล่าว
นายมังกรจึงได้เรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งเชื่อมโยงข้อมูลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของผู้สูงอายุที่ได้รับเงินบำนาญตั้งแต่หลักหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งแม้จะเป็นบำนาญชั้น 1 จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นชั้น 2, 3, 4 จะเกิดปัญหาทันที ซึ่งแม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ให้ถอนฟ้องผู้สูงอายุ 28,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 245 ล้านบาท และมีการคืนเงินไปแล้ว แต่ระเบียบดังกล่าวยังไม่มีการบูรณาการร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวง พร้อมฝากเรื่องนี้ผ่านประธานวุฒิสภาเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด.
