เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม สวนดุสิตโพล ได้เผยแพร่ผลสำรวจเรื่อง “นโยบายเศรษฐกิจแบบแจกช่วยจริงหรือแค่ชั่วคราว สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,203 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 7-10 ตุลาคม2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทินเป็นแบบเน้นแจกเงินหรือช่วยเฉพาะหน้า ร้อยละ 29.51 โดยมองว่านโยบายแบบ “แจกเงิน–ลดภาระชั่วคราว” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น
ร้อยละ 80.72 ถ้ารัฐบาลมีงบประมาณจ้ากัด ประชาชนอยากให้ใช้กับเรื่องลงทุนจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติเช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง ร้อยละ 53.72 ประเด็นเรื่องน้ำท่วมมองว่ารัฐบาลควรแก้ปัญหาด้วยการจัดท้าแผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการระดับประเทศร้อยละ 67.17
ประเด็นสุดท้าย ณ วันนี้กลุ่มตัวอย่างคิดว่าพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้คือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 19.87 รองลงมาคือ พรรคประชาชน ร้อยละ 17.37 และยังไม่เชื่อพรรคใด ร้อยละ 16.63
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจชี้ว่าประชาชนมองนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน เป็นการ “เยียวยาเฉพาะหน้า” แม้จะบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง แต่ยังต้องการให้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวโดยเฉพาะ “ปัญหาน้ำท่วม” ที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานราก เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แม้ภูมิใจไทยจะนำมาในการสำรวจครั้งนี้แต่ก็เป็นความคาดหวังต่อรัฐบาลโดยตรง และส่วนหนึ่งก็ยังคงไม่มั่นใจในพรรคการเมืองใดอย่างชัดเจน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ เจริญพูล ประธานหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า รัฐบาลอนุทินได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ดังนั้นจากผลโพล ประชาชนจึงคาดหวังผล ด้านเศรษฐกิจในระยะสั้นจากรัฐบาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าประชาชนก็ยังคาดหวังให้รัฐบาลมีการดำเนินการในระยะยาวทั้งทางด้านการพัฒนาอาชีพ การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการจัดการน้ำ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเศรษฐกิจในภาพรวมให้เจริญเติบโต มั่นคง และมีการกระจายรายได้อย่างเหมาะสม
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้มีสิ่งสำคัญที่รัฐ เอกชน และภาคประชาชนต้องร่วมมือกันดำเนินการให้ประสบความสำเร็จคือ “การลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ” ซึ่ง ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. อัมมาร สยามวาลา นักเศรษฐศาสตร์และอดีตประธาน TDRI ได้น้าเสนอไว้ในรายงานการวิจัยเรื่อง “การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง” ดังนั้น รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังจ้าเป็นต้องมีนโยบายและโครงการที่ทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง