นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทย เดือน ก.ย.2568 มีมูลค่า 30,970.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 และยังเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 42 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2565 โดยมูลค่ายังถือว่าสูงสุดเป็นอันดับสอง รองจากเดือน พ.ค.2568 ที่เคยทำไว้สูงสุดที่มูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 29,695.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.2% เกินดุลการค้า 1,275.2 ล้านดอลลาร์ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 15.7 %

การส่งออกเดือนก.ย.ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นตามความชัดเจนของมาตรการภาษีนำเข้าต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ประกอบกับสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกฟื้นตัว การส่งออกไปยังตลาดหลักและตลาดรองกลับมาขยายตัวสูง อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ทั้งนี้ การส่งออก 9 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวที่ 13.9 %หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 13.6 % ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 254,146.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.9 %เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 254,575.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.9 % ดุลการค้า ขาดดุล 429.3 ล้านดอลลาร์
นายนันทพงษ์ กล่าว การส่งออกเดือน ก.ย.ขยายตัว 19.0 % มาจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 26.4 % ขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญ ที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว18.6 %
ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 8.1 % (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าเกษตร หดตัว 18.2 % หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 4.1 % กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่แปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ น้ำตาลทราย กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร) ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 0.6 %
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้เผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าในอัตราที่สูง ขณะเดียวกันการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น และอาเซียน (5) และในตลาดรอง อาทิ เอเชียใต้ ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ล้วนขยายตัว สะท้อนถึงการตอบสนองต่อมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ด้วยการกระจายตลาดทางเลือกใหม่
โดยภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ ตลาดหลัก ขยายตัว 15.1 % โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ 35.3 % จีน 3.2 % อาเซียน (5) 20.4 % ตลาดญี่ปุ่น 6.2 % และ สหภาพยุโรป (27) 11.9 % ขณะที่ตลาด CLMV หดตัว 9.6 % ตลาดรอง ขยายตัว 8.5 % ตลาดเอเชียใต้ 28.6 % ทวีปออสเตรเลีย 2.8 % ตะวันออกกลาง 8.1 % ลาตินอเมริกา 31.7 % รัสเซียและกลุ่ม CIS 32.5 % ขณะที่ตลาดทวีปแอฟริกา 12.6 % และสหราชอาณาจักร 14.2 % ตลาดอื่น ๆ ขยายตัว 398.9 %

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไปแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัว แม้จะอยู่ในอัตราที่ชะลอลง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารที่ยังคงมีความต้องการในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่สร้างแรงกดดันและความผันผวนต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ความเสี่ยงจากภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ที่อาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า
“หากการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายหากการส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000-26,000 ล้านดอลลาร์ จะทำให้การส่งออกทั้งปีของไทยขยายตัว 9.4-10.4% โดยหากขยายตัว 9.4 % จะมีมูลค่า 329,146 ล้านดอลาร์ หากขยายตัว 10.4 % จะมีมูลค่า 332,146 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ทั้งมูลค่าและการขยายตัว ต้องยอมรับว่าในช่วงท้ายปีจะมีปัจจัยหนุนทำให้การส่งออกไทยมีโอกาสที่การส่งออกขยายตัว มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2-3% “นายนันทพงษ์ กล่าว
กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายหลายด้าน ทั้งการเจรจากับคู่ค้าเพื่อเพิ่มการนำเข้า เร่งปิดดีล FTA ที่อยู่ระหว่างเจรจา เข้มงวดการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าในกลุ่มเฝ้าระวัง รวมถึงสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะประเมินเป้าหมายการส่งออกทั้งปีนี้ใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนธ.ค. โดยจะต้องหารือกับผู้ประกอบการส่งออกใน 10 กลุ่มสาขา รวมทั้งหารือกับทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพื่อสรุปออกมาเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะขยายตัวได้สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 2-3% อย่างแน่นอนคาดว่าจะเสร็จประมาณกลางเดือนธ.ค. น่าจะได้ทราบเป้าหมายใหม่ที่ชัดเจน






















