กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  คุมเข้ม ตรวจสอบป้องกัน นอมินี บัญชีม้า ออก5 มาตรการ  ขยายการตรวจบุคคลกลุ่มเสี่ยง  ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน 

Mummai Media

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดปัญหานอมินีบัญชีม้า กรมฯจะออก 5 มาตรการเพิ่มในทางปฎิบัติ ประกอบด้วย  มาตรการแรกการ ขยายการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยง (HR-03) ที่เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งได้มีหน่วยงาน เช่น  ดีเอสไอ  ปปง. ส่งรายชื่อให้กรมตรวจสอบแล้ว 9 หมื่นราย พบว่าเจอเข้าข่ายเสี่ยง 40 ราย

มาตรการที่สองคือ บูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางการเงิน โดยส่วนนี้กรมฯขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง ให้ส่งรายชื่อผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ( State Welfare Card )ที่มีอยู่แล้ว 13.4 ล้านคน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าพวกมิจฉาชีพ ได้นำชื่อผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมายื่นจดทะเบียนตั้งบริษัท นิติบุคคลทั้งการเป็นผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการ หรือเป็นหุ้นส่วน เพราะที่ผ่านมา มีการตรวจสอบพบว่า มีการไปจ้างหรือไปหลอกให้คนในกลุ่มนี้มาเป็นผู้จดทะเบียน ทั้ง ๆ ที่คนกลุ่มนี้ มีเงื่อนไขในการเป็นผู้ถือบัตร คือ มีเงินสดในบัญชีไม่เกิน 1 แสนบาท มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาท มีที่ดิน 1 ไร่ หากเป็นเกษตรกร 10 ไร่ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นผู้มีรายได้น้อย โดยหากกรมพบว่ามีชื่อมายื่นจดทะเบียน ก็จะเรียกให้มาแสดงตน และยื่นหลักฐานฐานะทางการเงิน

มาตรการที่สาม คือ การพัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง จะมุ่งตรวจสอบบุคคลที่มายื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในระยะเวลาไม่ห่างกัน เป็น 10 หรือ 20 บริษัท หรือใช้ที่อยู่ที่เดียวกันเป็นที่ตั้งบริษัท จะไม่อนุญาตให้จดทะเบียนได้ทันที จะเรียกมาชี้แจง และยืนยันตัวตน หลักฐานทางการเงิน หากเป็นที่อยู่เดียวกัน จะต้องมีใบยืนยันจากเจ้าบ้านให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งมาแสดงด้วย โดยตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกิน 5 ราย หากเกินนี้ จะเข้าไปตรวจสอบทันที

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  คุมเข้ม ตรวจสอบป้องกัน นอมินี บัญชีม้า ออก5 มาตรการ  ขยายการตรวจบุคคลกลุ่มเสี่ยง  ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน 

 มาตรการที่สี่ คือ การปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน พบว่า ในปัจจุบัน มีการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเองประมาณ 15% อีก 85% เป็นการว่าจ้างให้ผู้จัดทำบัญชี ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี หรือสำนักงานทนายความ เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนให้ ได้กำหนดให้การลงลายมือชื่อ ต้องทำต่อหน้าตัวแทน

 ทั้งนี้ มาตรการสุดท้าย เป็นการระงับสิทธิ์ผู้ใช้งานจดทะเบียน โดยหากตรวจสอบพบว่า ไม่มีการลงลายมือชื่อต่อหน้าจริง ก็จะระงับการใช้ชื่อนี้ในการจดทะเบียนนิติบุคคลทันที จึงขอฝากให้กลุ่มบุคคล หรือสำนักงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนให้ช่วยกันทำตามที่กฎหมายกำหนด เพราะตัวแทนเอง ก็อาจจะเป็นเครื่องมือให้กับมิจฉาชีพก็ได้ และยิ่งถ้าพบความเสียหายเกิดขึ้นในภายหลัง ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย

สำหรับ  5 มาตรการที่จะดำเนินการ บางส่วนสามารถเริ่มได้เลย เช่น การตรวจสอบข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยง ซึ่งหน่วยงานในและนอกที่ร่วมกันบูรณาการแล้ว จัดส่งรายชื่อมาให้ตรวจสอบ หรือ กรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เลยว่า ถูกหลอกหรือมีการรับจ้างเป็นนอมินีหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเวลาเจอปัญหา มักเจอบุคคลที่มีบัตรเหล่านี้ถูกมิจฉาชีพนำชื่อหรือดึงเลขบัตรประชาชนมายื่นจดบริษัทหรือแอบใช้ชื่อเป็นกรรมการ หรือ นำชื่อไปเปิดบัญชีม้า

แต่บางเรื่อง ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานและประชาชนทั่วไปก่อน เช่น การแสดงตัวตน ก่อนได้รับการอนุมัติจดตั้งธุรกิจ หรือ เปลี่ยนรายชื่อ เพื่อสกัดการถูกหลอกหรือแอบอ้างใช้ชื่อ โดยขั้นตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นจะดำเนินการภายใน 15 วัน จากนั้นออกประกาศของกรม เพื่อบังคับใช้ต่อไป คาดว่าทั้ง 5 มาตรการจะใช้ครบทุกขั้นตอน ภายใน 31 ธค. นี้ซึ่งจะ เป็นของขวัญก่อนปีใหม่

 “เชื่อว่าจะเป็นการลดปัญหานอมินีและบัญชีม้าที่กำลังเป็นปัญหาระดับชาติ ให้ลดลง เป็นการสกัดตั้งแต่ต้นทาง โดยจะนำประเด็นนี้เข้าหารือในการประชุม ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย(คสธก.)ที่มีนายเอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ “ นายพูนพงษ์ กล่าว

สำหรับผลการตรวจสอบนอมินี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการส่งดำเนินคดีแล้ว 72 ราย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก โดยเป็นธุรกิจใหญ่อีก 448 ราย   ซึ่งกรมจะลงลึกตรวจสอบรายธุรกิจ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ที่ตอนนี้มีทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก