พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ปลดล็อกให้นั่งทานอาหารได้ในร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศร้อยละ 75 และร้านอาหารปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ร้อยละ 50 คงมาตรการ Curfew ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ
นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการปรับมุมมองและยุทธศาสตร์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยให้ประชาชนสามารถอยู่กับโรคได้อย่างปลอดภัย เพราะเชื่อว่าไวรัสโควิด-19 จะไม่หมดไปและจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ศบค. จึงกำหนดเป้าหมาย ด้วยการควบคุมโรคให้สมดุลกับการดำรงชีวิตและสามารถทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้เริ่มดำเนินกิจกรรม โครงการแล้ว อาทิ Phuket Sandbox และ Samui Plus Model ซึ่งเป็นการทยอยเปิดกิจกรรมและในพื้นที่ที่มีความพร้อมตามเป้าหมายการเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นตอน ภายใต้ความปลอดภัยด้านสาธารณสุข DMHTT และมาตรการ Universal Prevention นายกรัฐมนตรียังฝากกระทรวงพาณิชย์ติดตามความต้องการใช้ออกซิเจนทางการแพทย์ให้เพียงพอ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันการลักลอบส่งออกถังออกซิเจนผิดกฎหมายด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนโควิดสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี ซึ่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานว่า ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับครูแล้วกว่า 573,656 คน และยังคงมีนักเรียนในระบบอีกประมาณ 4 ล้านคน จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ ไทยจะได้รับวัคซีนรวมทุกประเภท 140 ล้านโดส ก็ขอให้เดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย ให้เร็วที่สุดสอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ไทยมีอยู่ รวมทั้งให้เร่งรัดการเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ด้วย ATK ด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลพร้อมยกระดับงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนไทย เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข ครอบคลุมถึงการกระบวนการผลิต เพื่อให้ไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนในอนาคตได้ และจากที่ได้ติดตามการพัฒนา วัคซีน ChulaCov19 (จุฬา-คอฟ-19) ชนิด mRNA โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตั้งเป้าหมายขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้ ในรูปแบบภาวะฉุกเฉินในช่วงเดือนเมษายน 2565 และวัคซีนใบยาที่ใช้เทคโนโลยีจากใบยาสูบ รัฐบาลพร้อมจัดสรรงบประมาณและเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. ได้คลายล็อกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด สอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยหวังให้ประชาชนสามารถดำเนินกิจการ/กิจกรรมทางได้ ด้วยการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับเปิดกิจการ/จัดกิจกรรมให้ปลอดภัย ลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การยกระดับมาตรการป้องกัน Universal Prevention และ COVID Free Setting ในสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค. ให้เปิดบริการในส่วนของร้านอาหาร สำหรับร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคารแต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ร้อยละ 75 ร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ร้อยละ 50 ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถดำเนินการได้ทุกแผนก ถึงเวลา 20.00 น. โดยกิจการกลุ่มที่ 1 ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม/แต่งผม ให้บริการเฉพาะรายไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ กิจการกลุ่มที่ 2 สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนสห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุม/จัดเลี้ยง ยังไม่เปิดกิจการ
การใช้อาคารของสถานศึกษา สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด /กทม. ในส่วนสนามกีฬาและสวนสาธารณะ เปิดถึงเวลา 20.00 น. โดยสามารถใช้สนามกีฬาและสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ เพื่อเล่น ซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมและไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน สามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภทสำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม และผู้จัดการแข่งขัน ต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ก่อนปิดประชุม นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวให้กำลังใจทุกคนว่า “ขอให้เราต้องมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมมือกันทำงานเพื่อคนไทย และคงต้องร่วมกันทำในยุคนี้ รัฐบาลชุดนี้ด้วย” นายธนกร ฯ กล่าว