(3 ต.ค. 64) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า กรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นไม่มีนัยใด ๆ ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับปัญหาการกำกับดูแล 4 กรมของกระทรวงเกษตรแต่อย่างใด เป็นเพียงการพูดถึงแนวทางหลักการของพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบันและคุณสมบัติของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์ทันสมัยก้าวหน้าทำงานไว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนโดยเฉพาะความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์โควิด-19 ไม่ใช่การบลั๊ฟนายกรัฐมนตรี
ต่อคำถามที่ว่าปัญหาเรื่อง 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ จะสร้างรอยร้าวถึงขั้นถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายอลงกรณ์ตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น กรณีดังกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งในเชิงนโยบายแต่เป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในการมอบหมายงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ.แต่มาแก้ไขคำสั่งให้รองนายกรัฐมนตรีอีกท่านมากำกับดูแล 4 กรมแยกออกไปทำให้เกิดความสับสนและทับซ้อนการบริหารของรัฐมนตรีว่าการกับรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวง ซึ่งไม่เคยมีการมอบหมายงานแบบแยกส่วนเช่นนี้มาก่อน และขอย้ำว่าไม่ใช่เรื่องประชาธิปัตย์ทวงคืน4กรมแต่เป็นประเด็นการบริหารกระทรวงและปัญหาการไม่ปรึกษาหารือกันก่อนมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง “ปัญหานี้แก้ไขไม่ยากหากมีความจริงใจต่อกันและให้เกียรติกัน ผมมีข้อแนะนำ 3 ประการเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
1.ยกเลิกคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ฉบับดังกล่าว
2.เร่งแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามโควตาของพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว
3.ควรปรึกษาหารือกับรองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีมีประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์กำกับดูแล”
ส่วนประเด็นนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐวิพากษ์วิจารณ์ตนนั้น ตนไม่ถือสา แต่ต่อไปควรใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพมีสัมมาคารวะและมีเหตุผลให้มากกว่านี้ให้สมกับความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ