นายกฯ ร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค ประกาศแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” พร้อมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคนในปี 2565

Ittipan Buathong

นายกฯ ร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค ประกาศแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” พร้อมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคนในปี 2565

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมพิธีส่งมอบการเป็นเจ้าภาพเอเปค โดยนางสาวจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นผู้ส่งมอบและนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นผู้รับมอบ นายธนะกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสาระสำคัญของพิธี ดังนี้

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้กล่าวถ้อยแถลงถึงหัวข้อหลักการเป็นเจ้าภาพของนิวซีแลนด์ ร่วมกัน ทำงาน เติบโต ไปด้วยกัน (Join, Work, Grow. Together.) ซึ่งหัวข้อหลักนี้ตั้งอยู่หลักของความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน และการทำงานเป็นทีม ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสุภาษิตเมารี ชาวเมารีในชุมชนร่วมกันสร้างเรือเดินสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า waka หรือ เรือแคนู เช่นเดียวกับการสร้างความรุ่งเรืองในเอเปคทุกเขตเศรษฐกิจต้องทำงานร่วมกันเพื่อก้าวไปข้างหน้า นิวซีแลนด์ขอบคุณที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนเอเปคด้วยการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี ค.ศ. 2564 และในวันนี้ นิวซีแลนด์จะส่งมอบการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี ค.ศ. 2022 ให้ประเทศไทย เชื่อมั่นว่าไทยจะขับเคลื่อนเรือแคนูเอเปคของเราด้วยความกระตือรือร้น ความสร้างสรรค์ และความเฉลียวฉลาด และได้ส่งมอบไม้พายให้นายกรัฐมนตรีไทยในตอนท้าย

นายกฯ ร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค ประกาศแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” พร้อมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคนในปี 2565

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง ทีมเอเปคนิวซีแลนด์ที่นำพาทุกคนร่วมการเดินทางเพื่อฟื้นฟูและฟื้นคืนได้เป็นอย่างดี ผมขอขอบคุณที่ท่านได้ส่งมอบไม้พาย ‘waka’ ให้ประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนเรือเอเปคต่อไป ประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคประจำปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ขอยืนยันว่าจะสานต่อการร่วมกัน ทำงาน และเติบโตไปด้วยกัน และนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวน ผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคน ร่วมกัน ‘สาน’ ความเข้มแข็ง และความมุ่งมั่น ในการบรรลุความตั้งใจที่จะสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิกที่ เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น และสงบสุข เพื่อคนรุ่นหลัง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแนวคิดหลักการประชุมเอเปคประจำปี 2565 “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” เพื่อเปิดกว้างสำหรับทุกโอกาส เชื่อมโยงในทุกมิติ และสมดุลในทุกด้าน และยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมต้อนรับครอบครัวเอเปคและแขกผู้มาเยือนสู่ประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 ช่วงที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “การฟื้นตัวจากโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับทุกคนและลูกหลานของเรา” ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกฯ ร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค ประกาศแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” พร้อมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคนในปี 2565

การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 ในปี 2564 มีหัวข้อหลักคือ ร่วมกัน ทำงาน เติบโตไปด้วยกัน (Join, Work, Grow. Together.) โดย เอเปค ก่อตั้งเมื่อปี 2562 (ค.ศ. 1989) มีเป้าหมายหลักคือ ส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน การรวมตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง ร่วมมือทางด้านวิชาการ/การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ และมีผู้สังเกตการณ์ 3 หน่วยงาน ในปี 2564 นิวซีแลนด์ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคต่อจากมาเลเซีย และไทยจะเป็นเจ้าภาพต่อจากนิวซีแลนด์ในปี 2565 โดยไทยเคยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับผู้นำเอเปคเมื่อปี 2546

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวต้อนรับเข้าสู่การประชุม สำหรับของขวัญที่นิวซีแลนด์ได้มอบให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจคือ ผ้าพันคอ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากชนเผ่าเมารีเป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของคนหลายกลุ่ม สะท้อนว่าเรารวมตัวกันเพื่อร่วมมือกัน ส่วนจี้หยกสะท้อนจิตวิญญาณของนิวซีแลนด์ลวดลายมีความหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน สร้างแนวทางใหม่ร่วมกัน ในช่วงเวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่ต้องก้าวผ่านความแตกต่างเพื่อร่วมมือกันจัดการกับโรคโควิด-19 ผ่านความร่วมมือใหม่ไปสู่อนาคต ตลอดจนต้องแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีดิจิทัล การฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด และหาแนวทางการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันโดยเฉพาะกับเยาวชน โดยนายกนิวซีแลนด์ได้เน้นย้ำความสำคัญของเวทีเอเปคเพื่อก้าวสู่อนาคตใหม่ร่วมกัน

นางคริสตาลีนา จอร์เจียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แก่ 1) ความเหลื่อมล้ำโดยเห็นได้จากอัตราการฉีดวัคซีน ซึ่งในหลายประเทศยังคงไม่ครอบคลุมโดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อย รวมทั้ง การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่จำเป็นต้องติดตามต่อไป 2) สภาวะเงินเฟ้อ ซึ่ง IMF คาดการณ์ว่ากลางปีหน้าปัญหาเงินเฟ้อจะคลี่คลายลง อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ IMF ยังย้ำถึงการดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาสภาพพูมิอากาศ โดยควรเน้นการตั้งเป้าหมายให้ประชากรโลกฉีดวัคซีนให้ได้ประมาณ 40-70% ภายในกลางปี 2022 และกำหนดนโยบายในระดับท้องถิ่นซึ่งแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน รวมทั้งเร่งฟื้นฟูการสภาพภูมิอากาศ IMF เห็นว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนต้องได้รับการแก้ไขระดับภาครัฐ และอาศัยความร่วมมือจากการลงทุนจากภาคเอกชน รวมทั้งปัญหาความยากจนก็ยังเป็นความท้าทายที่ยังต้องมีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมอย่างครอบคลุม

นายกรัฐมนตรีเห็นว่า โลกกำลังมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แม้ยังเผชิญกับความท้าทายจึงควรรีบตักตวงการใช้ประโยชน์ เพื่อเร่งฟื้นฟูและพลิกโฉมเศรษฐกิจไปสู่การเจริญเติบโตในระยะยาว โดยโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสนอ 3 ประเด็นที่เอเปคควรให้ความสำคัญ

ประการแรกที่เร่งด่วนที่สุด การรื้อฟื้นความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว ไทยเล็งเห็นประโยชน์ของการมีมาตรการด้านการเดินทางร่วมกันในภูมิภาค และมุ่งมั่นที่จะผลักดันประเด็นนี้อย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยมุ่งมั่นผลักดันให้มีการกลับมาเชื่อมโยงกันในภูมิภาค และจะร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อผลักดันเรื่องนี้ต่อไปในวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565

ประการที่สอง การกระตุ้นการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน การผลักดันการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และการส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่อยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า เอเปคต้องสนับสนุนและส่งสัญญาณที่เข้มแข็งไปยังการประชุมระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก ครั้งที่ 12 ที่กำลังจะจัดขึ้น ที่จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการประชุมดังกล่าว

ประการที่สาม การพลิกโฉมเศรษฐกิจ เพื่อการเจริญเติบโตในระยะยาวที่ยั่งยืน สมดุล และครอบคลุม ซึ่งผู้นำโลกได้ย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันการดำเนินการด้านความยั่งยืนและสภาพภูมิอากาศที่การประชุม COP26 โดยไทยได้ประกาศเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ตลอดจนได้ให้คำมั่นในการนำนวัตกรรมมาสนับสนุนการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเติบโตสีเขียว ตามแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (BCG)

นายกฯ ร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งการเป็นเจ้าภาพเอเปค ประกาศแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” พร้อมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจทุกคนในปี 2565

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ที่จะนำประสบการณ์ของเอเปคใช้ประโยชน์ในการผลักดันภารกิจของเอเปคในเรื่องการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมให้มีความคืบหน้าต่อไป และกล่าวแสดงความยินดีกับทีมนิวซีแลนด์ สำหรับการทำงานที่ประสบความสำเร็จ โดยไทยมุ่งมั่นที่จะต่อยอดจากความสำเร็จของนิวซีแลนด์ และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเขตเศรษฐกิจทั้งหมดในปีหน้า เพื่อนำเอเปคไปสู่อนาคตหลังโควิด-19 ที่มีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของภูมิภาค และประชาชนของเราต่อไป ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวสนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐฯ และเปรูในการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ

ทั้งนี้ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 มีเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 (APEC Leaders’ Declaration) และแผนปฏิบัติการวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ. 2040 (APEC Putrajaya Vision 2040 Implementation Plan)

Leave a Comment