“อลงกรณ์” เชื่อยังไม่มีการยุบสภาช่วงนี้ “ปชป.”พอใจผลโพลล่าสุด”จุรินทร์”ขึ้นแท่นเบอร์ 2 เหมาะสมชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

Mummai Media

"อลงกรณ์" เชื่อยังไม่มีการยุบสภาช่วงนี้ “ปชป.”พอใจผลโพลล่าสุด”จุรินทร์"ขึ้นแท่นเบอร์ 2 เหมาะสมชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ (21พ.ย.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์พอใจต่อผลโพลล่าสุดของสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย ล่าสุดที่ปรากฎว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี รองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพร้อมนำผลการสำรวจความคิดเห็นในประเด็นเรื่องมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายและผู้นำพรรคเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายพรรคต่อไป ทั้งนี้เมื่อวันที่18พ.ย.ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานใหม่8คณะเพื่อจัดทำร่างนโยบายของพรรคในมิติต่างๆเพื่อตอบโจทย์การเมืองเชิงสร้างสรรค์ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของทุกพรรคการเมืองจะเป็นสัญญาณการเตรียมพร้อมรับการเลือกยุบสภาฯหรือไม่ นายอลงกรณ์กล่าวว่า คงไม่ใช่สัญญาณเตรียมรับมือการยุบสภาและในมุมมองของตนไม่คิดว่าจะมีการยุบสภาในช่วงนี้ สำหรับการเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆในระหว่างนี้เป็นเพราะแต่ละพรรคต้องจัดการประชุมใหญ่ประจำปีตามกฎหมายพรรคการเมืองและที่มาจัดประชุมกระจุกตัวกันในช่วงเดือนนี้เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19ทำให้ก่อนหน้านี้แต่ละพรรคตัองเลื่อนการประชุมมาเรื่อยๆจนรัฐบาลคลายล็อคจึงสามารถจัดประชุมได้เลยมาจัดตรงกันในช่วงนี้พอดีซึ่งเป็นการประชุมตามปกติ อาจมีวาระพิเศษเพิ่มเติมคือกรณีรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขใหม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับระบบพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบใหม่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับผู้สมัครส.ส.ให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งระบบใหม่

“ปชป.”พอใจผลโพลเครือข่ายองค์กรครู

ล่าสุด”จุรินทร์”ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ชิงนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้เมื่อวันที่18 พ.ย.สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยได้แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นโดยวิธีการสุ่มจากประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามพื้นที่ ภาคอีสาน จำนวน 400 คน ภาคเหนือ จำนวน 300 คน ภาคกลาง จำนวน 300 คน ภาคใต้ จำนวน 300 คน กรุงเทพมหานคร จำนวน 200 คน รวมกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายทั้งสิ้น 1,500 คน โดยกำหนดสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามสาขาวิชาชีพ เกษตรกร 30% ครู อาจารย์ นักวิชาการ 25% นักเรียน นักศึกษา เยาวชน 10% ข้าราชการ 10% นักธุรกิจ/ผู้ประกอบการ 10% ค้าขาย/ลูกจ้าง/กรรมกร 10% นักการเมือง / ผู้นำชุมชน / จิตอาสา 5%

ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นและวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) การสนทนากลุ่ม (Focus Group) ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ( P-Value = 0.05) รูปแบบการสำรวจวิจัย ใช้ 1) การสำรวจวิจัยภาคสนาม เป็นการสัมภาษณ์โดยตรงแบบตัวต่อตัว โดยใช้ผู้ช่วยนักวิจัยแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ภาคละ 20 คน รวม 100 คน 2) การสำรวจวิจัยแบบเปิด โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ผ่าน google form 3) การสอบถามและสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ระบบซูม (zoom) และระบบไลน์

ผลการวิจัย 5 ประเด็น พบว่า พอใจต่อการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 97.14% ฝ่ายฝ่ายค้านและม็อบปฏิรูปสถาบัน ไม่อาจล้มรัฐบาล 78.4% ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลาย หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิด กม.ใช้ข้อมูลเท็จ และสร้างความเดือดร้อน 96.32% การที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ “ถือว่าเป็นการล้มล้างเปลี่ยนการปกครอง” เห็นด้วยหรือไม่เพียงใด 93.36% และยังมีผลว่า การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งบุตรสาวอดีตนายกฯทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคหรือไม่เพียงใด เห็นด้วย 90.44% การเสนอแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 และ 116 ของเพื่อไทย+ก้าวไกล ไม่เห็นด้วย 93.74% และเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มหรือไม่ 90.6% เห็นด้วย รวมถึง เสนอให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐควรย้ายตามไป 91.9%และยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย 73.74%

ด้านความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ เรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19เกิน 70% จนสามารถเปิดประเทศได้เป็นอันดับต้นๆของโลก 75.34% ตามด้วย โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม 91.38% ในด้านเศรษฐกิจ เรื่อง อีอีซี, ทางด่วนเชื่อมต่างจังหวัด รถไฟฟ้าในกทม.และปริมณฑล, สถานีรถไฟกลางบางซื่อที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ,รถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน /สร้างถนน 4 เลนทั่วประเทศ /สร้างรถไฟรางคู่ 4 ภูมิภาค, โครงการโคกหนองนา/ ลดค่าเทอมนักเรียนนักศึกษา/การสร้างงานให้บัณฑิตใหม่ ก็ยังให้ผลบวกสูง

ส่วนนโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ลดราคาน้ำมัน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตร รวมถึง การลดดอกเบี้ยหนี้สินเกษตรให้เหลือร้อยละ 3 ปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว /สร้างตลาดเกษตรชุมชน ลดดอกเบี้ยหนี้สินครู / หนี้ ก.ย.ศ. จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ครูไทย และปฏิรูปการศึกษาโดยให้ครูและประชาชนมีส่วนร่วม ทำโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง พัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ ตั้งกระทรวงน้ำ การขุดคลองไทย แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปราบปรามยาเสพติด

ผลโพลยังสำรวจ การคาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป

1) พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 40.16%
2) นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ 15.60 %
3) นายอนุทิน ชาญวีระกุล 11.22%
4) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 9.83%
5) นายชลน่าน ศรีแก้ว 9.70%
6) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 7.2%
7) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 6.28%

ก่อนหน้านี้มีหลายสำนักโพลที่สำรวจความเห็นของประชาขนและเห็นควรให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นบุคคลที่เหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตนเองถือว่าทุกโพลเป็นกระจกเงาสะท้อน ซึ่งได้นำมาประกอบการพิจารณาเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดิน หรือทำงานทางการเมืองต่อไป เพราะเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมุมดีหรือมุมไม่ดี แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข ถ้าคิดว่ายังดีไม่พอ อันไหนที่ดีแล้วก็จะได้รักษาแนวทางนั้นไว้ต่อไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุด และให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เราตั้งใจทำงานให้ปรากฏผลเป็นจริง สิ่งที่ดีที่สุดพูดให้น้อยลงมือทำให้มากขึ้น และตัดสินใจ”ทำได้ไวทำได้จริง”

Leave a Comment