.
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญไปร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวเยี่ยมชมชุมชนและสถานที่น่าสนใจในเส้นทางชายฝั่งของสมุทรสาคร จากศาลพันท้ายนรสิงห์ อดีตนายท้ายเรือพระที่นั่งผู้รักษาหน้าที่ด้วยคำปฏิญาณที่มั่นคงยิ่งกว่ารักษาชีวิต
เป็นการปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามถนนเส้นในซอยที่ลึกเข้าไปใกล้แนวชายฝั่งจนถึงวัดโกรกกรากแล้วทุกคนยกจักรยานลงเรือข้ามฟากไปปั่นต่อที่ฝั่งท่าฉลอมจนสุดสายทางรางรถไฟสายแม่กลองครับ
เป็นทริปความยาว 6 ชั่วโมง
เริ่มปั่นราว 8 โมงเช้าวันอาทิตย์
ปั่นไปแวะไป ได้เติมความรู้ จากปราชญ์ชาวบ้าน ได้เติมความอร่อยจากฝีมือคนท้องถิ่น ได้จับจ่ายให้ประโยชน์กับร้านรวงในชุมชนที่แวะถึง และได้ออกเหงื่อตามตั้งใจ กับได้เทคนิคการปั่น ตลอดทั้งได้ช่วยกันดูแลผู้ร่วมทางไปจนจบการปั่นที่บ่าย2 จบเส้นทาง
อ้อ และได้รู้ว่าแดดเมืองไทยกับนักปั่นจักรยานเพื่อเที่ยวชุมชนนั้น คงต้องเป็นของคู่กันโดยแท้ทรูตลอดไป!!
ต่างจากการปั่นจักรยานซ้อมของนักกีฬา เพราะนั่นไม่เน้นจอดแวะ ดังนั้นนักกีฬาชมรมจักรยานจึงเลือกออกปั่นยามเช้าๆมากๆได้
แต่การปั่นจักรยานเที่ยวแบบเยี่ยมชุมชนนั้น มักต้องไปถึงสายหน่อย แดดออกแล้ว
เรียงสินค้าเสร็จแล้ว เรียงอุปกรณ์ที่จะพาทำแล้ว
แม้แดดทริปนี้ของผมจะแรงหน่อย
แต่ก็เพลินและให้ประโยชน์เกินคาดทีเดียวครับ
ทริปนี้จัดโดยผู้มีประสบการณ์ในการประกอบการด้านนี้มาก่อน เรียกตัวเองว่า กลุ่มจักรยานหรรษา โดยนัดพาสมาชิกในกลุ่ม บ้างก็มีชั่วโมงบินสูงกับจักรยานมาแล้ว บ้างก็มีประสบการณ์พอประมาณกับการปั่นจักรยาน
และบ้างก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์กับการปั่นจักรยานเที่ยวเลย
อย่างผมเป็นต้น!!
ผมเคยปั่นจักรยานบ่อยก็จริง แต่การปั่นแทบทุกครั้งก็ทำไปเพราะเป็นส่วนหนึ่งของงานอีเว้นท์ในภารกิจรัฐมนตรี คือไปจากจุด Aให้ถึงจุด B ผ่านวิวสวยแต่ไม่ได้หยุดให้ชม เพราะปั่นคณะแบบนั้นจะวีไอพีเพียบ คนปั่นร่วมหลายร้อยคัน ส่วนถ้าจะเป็นการปั่นที่ไม่ใช่การทำงาน ก็จะเป็นการปั่นไปซื้อของปากซอยมาเข้าบ้านบ้าง หรือปั่นไปลองสำรวจซอยแถวๆที่พักอาศัยด้วยตนเองบ้าง
ซึ่งถ้าไม่ใช่ปั่นคนเดียวก็ไปกับลูกชายเท่านั้น
แต่ยังไม่เคยปั่นโดยซื้อแพคเกจ มีผู้นำกำหนด ว่าจะจอดชมอะไรที่ไหน จะเลี้ยวที่ไหน และจะทานอะไร
เลยเป็นประสบการณ์ที่แม้ไม่ใหม่สำหรับหลายๆท่าน
แต่กับผม นับว่าใหม่ทีเดียว
ทริปนี้จึงมีอะไรให้สังเกตเห็นหลายอย่าง
เรานัดพบพร้อมจักรยานที่ลานจอดรถของศาลพันท้ายนรสิงห์ซึ่งก็อยู่ใกล้ชายฝั่งของสมุทรสาคร
นับตัวคนได้คณะนี้32คน 32คัน
รู้จักกันบ้าง ไม่รู้จักกันบ้าง
บ้างมาแบบพ่อแม่ลูก บ้างมาแบบเพื่อนๆ บ้างมาแบบคนถิ่นนี้เองที่สงสัยใคร่แสวงความรู้ บ้างมาจากที่ไกลๆและไม่เคยรู้เรื่องราวของสมุทรสาคร
ผมผ่านและมาสมุทรสาครหลายหน แม้แต่มาค้างคืนที่ริมทะเลที่สมุทรสาครก็เคยมาแล้ว
แต่การนั่งรถยนต์ นั้น ประสาทสัมผัสของเราที่ได้รับย่อมจะต่างจากสัมผัสที่ได้จากการเดิน การวิ่ง หรือการปั่นจักรยานไปในหรือไปผ่านย่านนั้นๆ
ลมปะทะตัวเบาๆสม่ำเสมอตามจังหวะการปั่นให้ความรู้สึกที่ต่างจากการนั่งรถเปิดกระจกรับลม ซึ่งจะแรงและมีการหมุนวนในตัวรถ
การปั่นจักรยานผ่านตามชุมชนนาเกลือทำให้ได้กลิ่นเกลือ ปั่นผ่านย่านห้องแถวไม้เก่า ทำให้ได้กลิ่นความอร่อยของกับข้าวที่ผู้ใหญ่กำลังหุงหาไว้ให้สมาชิกในบ้านทาน ปั่นผ่านวัดก็จะได้กลิ่นธูปกับประทัดที่พึ่งจุดผ่านไปก่อนหน้า
หัวหน้าคณะการปั่นจักรยานได้พาพวกเราวอรม์อัพร่างกาย และยืดเส้นสายก่อนออกเดินทาง และได้แสดงการส่งสัญญานมือให้เข้าใจตรงกันว่าถ้าหัวหน้าคณะและทีมเจ้าหน้าที่ๆปั่นประกบคณะยกมืออย่างไรแปลว่า ให้หยุดรถ ให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา ให้หลบหลุมหรือสิ่งกีดขวาง โดยให้เบี่ยงซ้ายหรือขวา
และตกลงกันไว้ว่าถ้าฝนตก เราทั้งคณะจะต้องหยุดกิจกรรมไว้จนกว่าสภาพทางที่จะไปต่อมีความปลอดภัยเหมาะสมเพียงพอ
กับประกาศให้ทราบว่าใครที่ปั่นต่อไปไม่ไหวหรือจักรยานมีเหตุขัดข้อง ผู้จัดมีรถตู้และรถกระบะตามท้ายคณะไปจนสิ้นสุดเส้นทางโปรแกรม ดังนั้นทั้งคนและรถจักรยานจะได้ไปถึงและเยี่ยมชมจุดพัก ได้เรียนรู้พร้อมคณะอยู่อย่างเท่าเทียม
ในคณะที่ออกมาปั่นตามโปรแกรมนี้ มีตั้งแต่คุณลุงคุณน้าที่น่าจะอาวุโสกว่าผม มีน้องวัยเยาว์ร่างสูงแต่เป็นนักเรียนประถมปลาย ดังนั้น เมื่อหลากหลายได้ที่ขนาดนี้ ทีมเจ้าหน้าที่จึงมีหลายท่านที่มาปั่นประกบเพื่อช่วยดูแลและเก็บตกหรือจอดจักรยานรอบอกทางให้กลุ่มที่ตามมาห่างๆไม่ต้องพะวงเรื่องจะหลงเส้นทาง
ทุกครั้งที่เราจอดจักรยานเข้าจุดพักเติมพลัง ก่อนออกตัวของขบวนจะมีการขานนับจำนวนของเราให้ทุกคนได้ยินดังๆ จนกว่าตัวเลขที่ถูกขานสุดท้ายจะบวกลบได้32 หัวหน้าคณะมองเห็นต้นเสียงของทุกหมายเลขแล้วจึงหันหน้าออกปั่นนำคณะต่อไป
เป็นอย่างนี้ทุกจุดพัก
หัวหน้าคณะแนะนำด้วย ว่าการดื่มน้ำให้ดื่มให้เป็นจังหวะ อย่ารอให้หิวน้ำแล้วค่อยเริ่มดื่ม เพราะการปั่นจักรยานกลางแจ้งนั้นร่างกายจะเสียเหงื่อและเกลือแร่รวดเร็ว จึงควรดื่มแบบจิบๆไปเป็นช่วงเสมอ
เราได้รับการแนะนำว่าไม่พึงขี่จักรยานตีคู่กันตลอดทาง แต่ให้พยายามเรียงแนวกันเท่าที่จะปลอดภัย เรากำลังมาใช้ทางร่วมกับรถยนต์ต่างๆ และนี่ไม่ใช่การปิดถนนปั่น ดังนั้นจึงต้องเปิดเส้นทางให้รถอื่นแล่นแซงได้และสวนได้โดยปลอดภัย
เราหลายคนจึงมีบทบาทช่วยส่งเสียงบ้าง ผายมือบ้าง ยกมือโบกบ้างเมื่อจะมีรถแล่นแซงขึ้นมา รวมทั้งจะส่งเสียงบอกเป็นทอดให้รู้จุดระวังเวลาที่ต้องแล่นลงทางลาดถนนที่มีทางแยกทางร่วมตัดขวางว่าให้ชะลอและหยุดรอดูรถอื่นก่อนจะไปต่อได้
อุบัติภัยบนท้องถนนนั่น ประมาทไม่ได้เลย
เราอาจระวังได้ แต่เราต้องเข้าใจว่าคนอื่นๆอาจยังระวังไม่พอ บางเรื่องเป็นสภาพทางยังมีจุดอ่อน บางเรื่องตัวพาหนะก็อาจก่อปัญหาได้
แม้เส้นทางกำหนดของโปรแกรมจะเลือกที่จะแล่นในถนนรองๆ ซึ่งจะมีรถยนต์ใช้ทางน้อยๆแล้ว แต่การมีระบบสื่อสารและสัญญานกลุ่มให้รู้ว่ามีกันและกันก็ช่วยให้สมาชิกทุกคนอุ่นใจและช่วยกันส่งเสริมความปลอดภัยแก่การใช้ทาง
การเที่ยวไปเยี่ยมตามชุมชนในครั้งนี้รวมๆแล้วได้ระยะทางราว 30 กิโลเมตร ซึ่งสำหรับนักปั่นจักรยานที่หมั่นซ้อมออกกำลังกายเสมอจะบอกว่าจิ้บๆ
แต่เนื่องเป้าประสงค์ของการจัดทริปไม่ใช่เพื่อการลดน้ำหนักหรือจะสร้างกล้ามเนื้ออะไร
ทริปนี้เน้นการไปเยี่ยมและรับความรู้จากชุมชนชาวบ้านต่างๆต่างหาก
เพียงแต่วิธีเดินทางเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้ทักษะปั่นและใช้พลังงานของแต่ละคนมาประกอบ
เรียกว่าเป็นทริปท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน ดีต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ ดีต่อชุมชน เป็นกิจกรรมของธุรกิจแนวสร้างสรรค์ และเต็มไปด้วยการฝึกสำนึกรับผิดชอบตลอดทริปแน่นอนครับ
ในทริปนี้ผู้ร่วมคณะไม่ทันสังเกตรู้ว่าผมเป็นใครเพราะเราทุกคนสวมอุปกรณ์กันครบสูตรตามแบบ New Normal ของยุคโควิด จนตอนจบปิดกิจกรรมโน่นแหละที่หัวหน้าคณะท่านเดินมาขออนุญาตเชิญให้ผมช่วยกล่าวปัจฉิมนิเทศก่อนแยกย้ายอำลา
ถึงตอนนั้นสมาชิกในคณะจึงได้แปลกใจว่า อ้าว ปั่น อยู่ดูแลนั่นนี่ด้วยกันมาทั้งวันไม่ยักทราบ นับว่าได้ความคิกคักทักทายและอำลาไปในเวลาเดียวกันอย่างน่ารักอบอุ่น
เรื่องเล่าตอนที่ 1 นี้ ผมขอเก็บประเด็นเรื่องการปั่นจักรยานเที่ยวเสียก่อน
ตอนต่อๆไปจะได้เล่าเรื่องสิ่งที่ได้ไปเห็นไปเรียนรู้ที่สมุทรสาครมาบอกต่อนะครับ
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
สมาชิกวุฒิสภา
ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกีฬา
รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา