นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของวุฒิสภา ได้ขึ้นบรรยายสรุปปิดท้ายก่อนที่ดร.สุพัฒนพงษ์ ชาญมีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ คุณวราวุธ ศิลปอาชาจะขึ้นกล่าวปิดโครงการตอนหนึ่งว่า
‘’…หากเปรียบการพาสังคมประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นประเทศผู้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ เสมือนขบวนรถไฟแล้ว บัดนี้หัวขบวนที่มีรัฐบาลนำ มีภาคเอกชนชั้นนำเป็นโบกี้ที่หนึ่ง มีข้าราชการประจำที่ทำงานด้านนี้เป็นโบกี้ที่สอง ส่วนโบกี้ที่สามคือสถาบันการเงินและสถาบันตลาดทุน ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการเปลี่ยนกระบวนการผลิต กระบวนการจัดการที่ให้ความหวังได้ ว่าไทยจะเปลี่ยนผ่านตนเองเข้าสู่ยุคสังคมคาร์บอนต่ำได้ทันตามที่นายกรัฐมนตรีได้ไปประกาศให้คำมั่นไว้ทันเวลาก็จริง…’’
‘’…แต่สิ่งที่พึงต้องเร่งอีกด้านคือการสื่อสารที่ไปถึงโบกี้โดยสารอื่นๆที่ถัดออกไปอีกหลายโบกี้มาก ที่ยังสามารถมีส่วนร่วมอย่างภูมิใจและเข้าใจในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มิหนำซ้ำยังอาจได้พบกับกลุ่มอื่นๆในสังคมที่มีนวัตกรรมหรือมีแบบแผนชีวิตและกิจกรรมที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แล้วก็ได้ แต่สาระสำคัญคือการพัฒนาทักษะและสาระที่จะเชื่อมการสื่อสารระหว่างกันทั้งในแต่ละตู้โดยสารและการสื่อสารที่ถึงกันของทุกตู้โดยสารในขบวนรถไฟนี้… มิฉะนั้นตัวเลข ศูนย์ ที่จะส่งมอบแก่สิ่งแวดล้อมโลกได้ก็จะกลายเป็นชัยชนะที่มีเพียงคนโดยสารในโบกี้ต้นขบวนเท่านั้นที่ฉลองและยินดีกันเอง…ซึ่งนี่เองคือบทบาทของผู้สำเร็จหลักสูตรการอบรมนี้ ที่คัดเลือกมาดีแล้ว ที่จะออกไปเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวงการและพื้นที่จัดการ…’’ นายวีระศักดิ์กล่าว
อนึ่ง หลักสูตรอบรมผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลกในรุ่นแรกนี้ ประกอบไปด้วยบุคคลสำคัญจากแวดวงต่างๆในสังคมจำนวน49คน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูงในภาคเอกชน ภาคราชการ องค์การระหว่างประเทศ และสื่อสารมวลชนชั้นนำในไทย
โดยหลักสูตร CAL Forum หรือ Climate Leaders Forum นี้มีระยะเวลาอบรมนาน 5 สัปดาห์