พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 6 พร้อมนายอดุลย์ เซะวิเศษ ผู้สมัคร ส.ก.เขตสะพานสูง หมายเลข 1 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดสัมมากร เขตสะพานสูง ช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชน ที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี ขอถ่ายรูปและให้ดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจ
โดยพล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การพบปะพ่อค้าแม่ค้าเช้าวันนี้ มีการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะพี่น้องประชาชนรู้จักตนเองดีและรู้ว่าตนทำงานอะไรให้ชาว กทม. บ้าง
พล.ต.อ.อัศวิน ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลสำราจความคิดเห็นของนิด้าโพล หัวข้อ “อยากได้ใคร เป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 11” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้ง ในกรุงเทพมหานคร ที่ผลโพลอยู่ที่อันดับ 3 ว่า “ความจริงตนอยู่อันดับที่ 2 เพราะอันดับ 1 เป็นของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และอันดับ 2 ร้อยละ 26.58 ยังไม่ตัดสินใจ จึงเชื่อว่าตนยังได้รับความนิยมอยู่ในอันดับที่ 2 พร้อมระบุด้วยว่า ตนเพิ่งเปิดตัว แต่ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และยังมองว่าไม่ใช่ปัญหา จะยังคงเดินหน้าหาเสียง ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนมาขอคะแนนต่อ ซึ่งทำมาโดยตลอด และมองว่าการทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเป็นเรื่องที่ดี ต้องการให้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนออกมาเยอะๆ ยังมีความมั่นใจและเชื่อว่าตนจะต้องขยับขึ้นมาอันดับที่ 1 อย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การหาเสียงอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่เดินหน้าหาเสียงทบทวนความจำของพี่น้องประชาชนในสิ่งที่ตนเคยทำไปแล้ว ….และจากนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำว่าตนไม่มีนโยบายที่เลิศหรูมากมาย…ตนคือนักปฏิบัติ…ไม่ต้องมีนโยบายใดที่ดูโก้หรือดูเท่ เพียงแค่เราลงมือทำ ซึ่งแบบนี้ในภาษามวยเรียกว่า พูดน้อยแต่ต่อยหนัก ทำมากๆ แล้วจะดีเอง”
ส่วนกรณีที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ หลายคนให้ความสำคัญกับพ่อค้าแม่ค้าริมทางเท้า หาบเร่แผงลอย โดยสนับสนุนให้มีการค้าขายได้ทุกวันนั้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ทั้งหมดจะต้องอยู่บนความถูกต้อง ตามที่ปฏิบัติกันมาแล้ว พร้อมชี้ว่า เรื่องแบบนี้สัญญากันไม่ได้ ใครที่บอกว่าจะทำได้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นผู้ว่าฯ หรือไม่ พร้อมย้ำว่าแนวนโยบายของตน คือการคืนความเป็นธรรมให้กับสังคม ทั้งผู้ค้า และคนเดินถนน หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ ค่อยกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้ง
ส่วนแนวนโยบายเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด และไฟส่องสว่างย้ำว่า ได้ทำไปหมดแล้ว และได้ปรับเป็นระบบดิจิทัลเกือบจะครบทั้ง 6 หมื่นตัว หากตนได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่
พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า “การหาเสียงของตนไม่ได้หลอกลวงประชาชน ตนเป็นคนโกหกไม่เป็น สิ่งที่ทำมาแล้วก็บอกว่าทำสิ่งที่อยากจะทำให้ถูกอกถูกใจพี่น้องประชาชน มันเป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน มันเป็นการบ้านของคนเป็นผู้ว่าฯ อยู่แล้วไม่ใช่การเมือง ยืนยันว่าตนไม่ใช่พรรคการเมือง หรือ นักการเมือง และตนไม่ได้ทำการเมือง แต่ตนทำการบ้านเพื่อให้สังคมดีขึ้น”
จากนั้นได้ลงพื้นที่หาเสียงพื้นที่ต่อบริเวณตลาดหน้าสวนพฤกษชาติ คลองจั่น เขตบางกะปิ พร้อมนางสาว นฤมลมิ่งขวัญ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกะปิ เบอร์ 5 และพบปะพี่น้องประชาชน ชุมชนคลองลำพังพวย เขตบางกะปิ โดยตลอดการเดินทางลงพื้นที่ ในตลาดได้รับเสียงตอบรับและได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนอย่างอบอุ่นมีทั้งมอบดอกไม้พวงมาลัย ส่งเสียงเชียร์ ให้เลือก ส.ก.เบอร์ 5..ผู้ว่าฯ เบอร์ 6
และได้พูดขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนบริเวณริมคลองลำพังพวย ซึ่งเป็นผลงานที่เคยทำไว้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่สมัยที่ป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยเคยมาการขุดลอกคลองและดูแลคลองให้ใสสะอาดไม่มีปัญหาทั้งขยะและน้ำเน่าเสียเหมือนเมื่อก่อน และขอคะแนนเสียงเพื่อกลับเป็นผู้มาเป็นผู้ว่าฯ อีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับเสียงปรบมือ และเสียงตอบรับสนับสนุนอย่างล้นหลาม จากประชาชนในพื้นที่
“อัศวิน” ลุยหาเสียงวันหยุดเช้ายันค่ำ เน้นทำบ่อยเดี๋ยวดีเอง
หลังจากลงพื้นที่หาเสียงในเขตสะพานสูง และเขตบางกะปิในช่วงเช้า และตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว ถึงนโยบายต่างๆของตนเองที่ถึงแม้จะไม่เลิศหรู แต่ก็จะขอทำให้ดูเพื่ออนาคตของคนกรุงเทพฯ โดยไม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การหาเสียงอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่ต้องเดินหน้าหาเสียงทบทวนความจำของพี่น้องประชาชนในสิ่งที่ตนเคยทำไปแล้ว เพราะตนคือนักปฏิบัติ ไม่ต้องมีนโยบายที่ดูโก้หรือดูเท่ เพียงแค่ลงมือทำ ทำมากๆ บ่อยๆ แล้วจะดีเอง
ในช่วงเย็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 จึงลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่องทันที โดยได้เข้ากราบนมัสการพระธรรมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เพื่อขอพร พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตสาทร หมายเลข 3 นายอภิชาติ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา