ที่มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ไหว้สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในมูลนิธิฯ พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชนเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยตลอดการเดินพบปะเยี่ยมเยียนทักทายประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับกำลังใจจากประชาชนซึ่งต่างส่งเสียงร้องบอก “นายกฯ สู้ ๆ” และ “รักลุงตู่” โดยนายกฯ กล่าวขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ระมัดระวังป้องกันตนเองให้ดี ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างปลอดภัย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นความร่วมมือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเทศบาลนครหาดใหญ่ ในวงเงินงบประมาณ 396.30 ล้านบาท รวมระยะทาง 6.65 กิโลเมตร และโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมือง ระยะที่ 1 ซึ่ง กฟภ. เป็นผู้ลงทุน วงเงินงบประมาณ 631.32 ล้านบาท ระยะทาง 6.81 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 ทั้ง 2 โครงการจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่ในด้านทัศนียภาพ และทำให้การจ่ายไฟมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เกิดผลดีต่อการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะประชาชนตอนหนึ่งว่า การลงพื้นที่มาวันนี้ เอาตัวและหัวใจมาฝากทุกคน คิดถึงและอยากมาหา คนใต้เป็นคนใจดี มีความจริงใจ รักใครรักจริง “รักจังฮู้” แต่เนื่องจากที่ผ่านมาต้องประสบปัญหาหลายอย่างทั้งภายในประเทศและปัญหาต่างประเทศที่ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ ทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ได้อย่างพอเพียงผ่านมาตรการต่าง ๆ และใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชน ให้คุ้มค่าอย่างแท้จริง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน สามารถที่จะอยู่รอดได้ภายใต้ผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งความผันผวนของราคาน้ำมันโลก เศรษฐกิจ และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อโครงการที่นำเสนอ เพราะเป็นความต้องการของประชาชนโดยตรง สิ่งสำคัญคือการสร้างรายได้ระดับฐานราก โดยเฉพาะการเร่งแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ให้กับประชาชน การบริหารจัดการน้ำ การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่าง ๆ รวมทั้งจะใช้ศักยภาพที่ประเทศไทยและจังหวัดสงขลามีอยู่ มาใช้ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดสงขลา และขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าต่อไป
นายกรัฐมนตรียืนยันอะไรที่ทำได้พร้อมจะทำ จะเร่งดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว รับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน พร้อมแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายใต้การบริหารงานของตนเอง ซึ่งจากการพูดคุยพบปะกับผู้นำต่างประเทศ ต่างชื่มชมความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย ชื่นชมความเป็นพหุสังคม ถึงแม้จะมีความหลากหลากของเชื้อชาติ ศาสนา แต่อยู่รวมกันได้อย่างสงบสุข ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ขอให้คนไทยทุกคนรักษาไว้