วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ ผู้ช่วยรมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กล่าวหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรม “การนำเสนอและเผยแพร่ผลงานวิจัย แผนงานการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาพื้นที่บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่นปีที่ 2”โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ วช. ตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้บริหาร ม.ราชภัฏ รวมถึงนักร้องชท่อดัง เก่ง ธชย เข้าร่วมงานฯ ว่า อว. โดย วช. ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ร่วมบูรณาการภายใต้แผนงานการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาพื้นที่บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่นปีที่ 2 ทั้ง 7 ภูมิภาค เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวในการรักษาอัตลักษณ์ของพื้นที่เข้าสู่ชุมชนและการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่ง วช. สนับสนุนงบประมาณให้กับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง ทั่วประเทศ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม
โดยใช้องค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับมาตรฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวของชุมชนเชิงสร้างสรรค์ โดยพัฒนาบนฐานอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการสร้างเศรษฐกิจบริการมูลค่าสูง และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนซึ่งเปรียบเสมือนฟันเฟืองที่สำคัญในการสร้างความมั่นคง และมั่งคั่งอย่างทั่วถึง โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
จากแนวคิด BCG Modelสู่การยกระดับเศรษฐกิจของประเทศเป็นแนวทางที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยสถาบันการศึกษาในพื้นที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการร่วมกันพัฒนาท้องถิ่น อีกทั้งยังทำงานในลักษณะเครือข่ายพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีบทบาทในการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ วว.มาใช้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์จากงานวิจัยได้อย่างแท้จริง ประกอบด้วย เครือข่ายอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งทั่วประเทศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย นักวิจัย และ ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ที่จะก่อให้เกิดผลงานวิจัยต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างรายได้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนด้วยการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านการรักษาอัตลักษณ์ของพื้นที่อย่างยั่งยืน
ด้านดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า วช. สนับสนุนแผนงานวิจัยกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยอาศัยกลไกความร่วมมือของเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้ง 38 แห่งทั่วประเทศ และหน่วยงานภาคีมายกระดับขีดความสามารถของชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เชิงสร้างสรรค์ ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และศิลปวัฒนธรรม เพื่อเพิ่ม มูลค่าทางการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นการต่อยอดจากผลการดำเนินงานในปีแรกมุ่งเน้นที่การพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ในประเภทต่าง ๆ โดยมีความร่วมมือกับ วว. ในการทดสอบ พัฒนา และรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ สู่สาธารณชน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนในระดับนโยบาย อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ที่อยู่บนพื้นฐานของการสร้าง และการใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์เชื่อมโยงกับทุนทางปัญญา ทุนทางวัฒนธรรมทั้งนี้ในปี65 วช. ได้สนับสนุนโครงการ “การยกระดับ ศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิง นวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าอัตลักษณ์ พื้นถิ่นด้วยภูมิปัญญาและนวัตกรรมบน ฐานเศรษฐกิจ BCG”การบูรณาการต่อยอดให้เกิด ความยั่งยืนด้วยทุนทางทรัพยากรชุมชนสู่ นโยบายการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาประเทศด้วยแนวคิด BCG Model เพื่อเป็นกลไกทางเศรษฐกิจ สำคัญที่ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้าง อาชีพที่หลากหลาย การหมุนเวียนของ รายได้ การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมถึงความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจใน ชุมชน ท้องถิ่น และภูมิภาคได้อย่างสมดุลอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการและผลิตภัณฑ์จากโครงการวิจัย ทั้ง 7 ภูมิภาค อาทิเช่น ภาคกลาง ผลิตภัณฑ์กัญชาน้ำผึ้งมะนาว จากเครือข่ายกลุ่มศรีอยุธยา โดยวิสาหกิจชุมชน ต.คลองจิก ภาคเหนือ ผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากเศษผ้า ภาคอีสาน ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์บัวแดง และ ภาคใต้ ทุเรียนกวนห่อกาบหมาก เป็นต้น รวมถึงการนำเสนอภาพรวมการดำเนินแผนงาน โดย ดร.สัญชัย เกียรติทรงชัย ผอ.แผนงานวิจัย ในหัวข้อ เรื่อง การทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายมรภ.และวว.ในการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวฯ และการเสวนาแนวทางการนำเสนอผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดย วิทยากรจากหน่วยงานต่างๆ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ นำเสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่น ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน.