ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เชียงราย ถอดบทเรียนการก่อเหตุจากผู้กราดยิง (Active Shooter) และปิดล้อมกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ หวังป้องกันและลดโอกาสการกระทำความผิดซ้ำ
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 ที่ สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562-2565) ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค.65 มีเหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงคนในหมู่บ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ในท้องที่สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าระงับเหตุและจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มีความห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการระงับเหตุกราดยิง จึงมอบหมายให้ตน ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อร่วมกับ ผู้แทน ภ.5, ภ.จว.เชียงราย, บก.สส.ภ.5 และ หน.สถานีตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย ประชุมศึกษาเหตุการณ์การก่อเหตุจากผู้กราดยิง (Active Shooter) เพื่อถอดบทเรียนและนำไปเป็นกรณีศึกษา และกำชับการปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับการปฏิบัติดังนี้
1. ให้ถอดบทเรียนจากกรณีศึกษาเหตุกราดยิง สภ.แม่สรวย ให้เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ฝึกทบทวนยุทธวิธีตามหลักปฏิบัติ SOP ในแต่ละสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับป้องกันเหตุให้พร้อมและเพียงพอ
2. ฝึกทบทวนการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนให้ความรู้ และแนวทางการปฏิบัติเมื่อประชาชนประสบเหตุเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เช่น หนี ซ่อน สู้
3. ให้ X-ray ค้นหาผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดอย่างเป็นระบบ และสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าด้วยระบบ ccoc ให้มีผลการปฏิบัติชัดเจน เป็นรูปธรรม
4. ปิดล้อม ตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท เน้นความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน เพราะก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง
5. ประสานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนฯ (Stronger Together) อย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า เหตุกราดยิง มักปรากฏปัจจัยบ่งชี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในรูปแบบอื่นด้วย เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม บุคคลที่มีหมายจับค้างเก่า และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จึงได้สั่งการให้ ภ.5 และ บก.ตชด.ภาค 3 ร่วมสนธิกำลังกับ กกล.ผาเมือง ฝ่ายปกครอง และสำนักงาน ปปส.ภาค 5 ร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ในวันที่ 19 ก.ค.65 เวลา 05.00 น. ภายใต้ ชื่อ “ยุทธการฟ้าสางที่ป่าเกี๊ยะ” เพื่อค้นหาผู้จำหน่าย ผู้ครอบครอง ผู้เสพยาเสพติด รวมถึงอาวุธปืน และสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ ตลอดจนบุคคล ที่มีหมายจับ ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จำนวน 32 เป้าหมาย และสั่งการให้ ทุก สภ.ฯ ในพื้นที่ จว.เชียงราย ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติด โดยพร้อมเพรียงกัน รวมเป้าหมายที่เข้าดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 157 เป้าหมาย รวมกำลังพลในการปฏิบัติการ 400 นาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 90 ราย ตรวจยึดของกลาง เช่นยาบ้า 11,919 เม็ด, ไอซ์ 5 กก., อาวุธปืน 11 กระบอก, รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 450,000 บาท รถจักรยานยนต์ 1 คัน มูลค่า 45,000 บาท ฯลฯ รวมทรัพย์สินที่ยึด 7 รายการ มูลค่า 528,200 บาท จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ลงพื้นที่ บ้านป่าเกี๊ยะ ม.18 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บำรุงขวัญให้ประชาชนในพื้นที่ และวางแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำและการกระทำความผิดอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.ประจวบฯ ยังกล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสอดส่องรถของขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่วิ่งหลบเลี่ยงด่านตรวจฯ เข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล ของพี่น้องประชาชนโดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ มีความตระหนักและห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การปฏิบัติในการเข้าระงับเหตุจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนยุทธวิธีตำรวจด้วยความถูกต้อง ปลอดภัยและเป็นมาตรฐานสากล เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เข้าระงับเหตุมีความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ และประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการรักษาความสงบเรียบร้อย บรรลุผลสำเร็จ เกิดประสิทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพ.