“สมศักดิ์” นำทีมแถลงยึดอายัดทรัพย์ “ตู้ห่าว” เพิ่มอีก 3,020 ล้านบาท เป็นที่ดิน 39 ไร่ พร้อมอาคารโรงแรมหรูย่านบางเสาธง จ.สมุทรปราการ รถยนต์อีก 5 คัน ส่วนข้อหาฟอกเงิน เป็นหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงยึดทรัพย์สินในคดีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ใช้อำนาจตามกฎหมายยึดทรัพย์ขยายผลมาจากการจับคดีสถานบันเทิงจินหลิง ที่มีนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เป็นเจ้าของ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ ชุดพาลีปราบยาเสะติด ออกปฏิบัติการอายัดทรัพย์สินหลังได้รับข้อมูลจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาส่งมอบให้กับกระทรวงยุติธรรม ต่อมา ผู้อำนวยการศูนย์ยาเสพติด ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ออกอายัดทรัพย์สินของบริษัท โฉนดที่ดินจำนวน 5 แปลง รวมกว่า 39 ไร่ นอกจากนี้ยังรวมทรัพย์สินมูลค่าทั้งหมดที่เอายัดไว้ ประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมทั้ง รถยนต์หรูจำนวน 5 คัน
ข้อมูลพบว่า บริษัทนี้ก่อตั้งปี 2555 มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท มีกรรมการ 3 คนคือ นางพัชรินทร์ / นางรัตนา และนายตู้ห่าว ร่วมเป็นกรรมการบริษัท / ต่อมาในปี 2559 ถึงปี 2561 บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงแรมดิวาลักซ์ฯ
นอกจากนี้ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ป.ป.ส. ยังได้ขยายผลอายัดทรัพย์สินเครือข่ายของนายตู้ห่าวไปก่อนหน้านี้แล้วรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์หลายรายการ ส่วนยอดการอายัดทรัพย์สินของตำรวจที่ระบุว่า ทรัพย์สินของนายตู้ห่าวมีประมาณ 5,000 ล้านบาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลแต่มีการประสานกันโดยตลอด
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า การอายัดทรัพย์สินทั้งหมดนี้ เจ้าของทรัพย์สินสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงที่มาของทรัพย์ได้ โดยระหว่างการอายัด เจ้าของทรัพย์ ยังสามารถเปิดให้บริการได้จนกว่ากระบวนการอายัดทรัพย์จะแล้วเสร็จ โดยเป็นไปตามคำสั่งของศาล
ซึ่งคดีของนายตู้ห่าว ถูกดำเนินคดีฐานสมคบยาเสพติด ถือเป็นองค์ประกอบการฟอกเงิน แต่หาก นายตู้ห่าว สู้คดีอาญาชนะ แต่ในส่วนของการอายัดทรัพย์สิน นายตู้หาว ยังจำเป็นต้องชี้แจงที่มาของทรัพย์ให้ได้ การอายัดจึงหมดไป
ส่วนประเด็นกรณีตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหามูลฐานความผิดการฟอกเงินกับนายตู้ห่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า การอายัดทรัพย์ขนาดนี้ใช้อำนาจกฎหมายของป.ป.ส. ซึ่งถือว่า ยาเสพติดเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ดังนั้นการแจ้งข้อกล่าวหา ฟอกเงินหรือไม่ เป็นอำนาจการสอบสวนคดีอาญาที่ตำรวจรับผิดชอบอยู่แล้ว