“ชูวิทย์” ลุยต่อ หอบเอกสารมอบอัยการ แฉ จีนเทายอมจ่ายคนละ5ล้าน เหมาเครื่องหนี บินไปลงกรุงพนมเปญ กัมพูชา ไม่กล้ากลับแผ่นดินใหญ่
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 23 ธ.ค.2565 ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำเอกสารสำคัญในคดีทุนจีนสีเทา ยื่นต่ออัยการ โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่ตนต้องออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ต้องการให้ใครพ้นจากตำแหน่งแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่อยากให้กลุ่มค้ายาเสพติด จีนสีเทา ต่างชาติเข้ามาทำแบบนี้ในผืนแผ่นดินไทย
เรื่องแรกคือ การฟอกเงินต้องตั้งข้อหาสมคบฟอกเงิน ถ้าตั้งข้อหานี้ตั้งแต่เเรก ก็คงไม่บานปลายไปถึงอัยการ ดีเอสไอ ยืนยันไม่มีเบื้องหลังใดๆ เเต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเร่งทำ เพื่อไม่ให้ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ยิ่งช้ายิ่งเสียหาย นายตู้ห่าวไม่ใช่ผู้ต้องหาเพียงคนเดียว ตอนนี้อยู่ในคุกคิดจะแจ้งข้อหาเมื่อไรก็ได้ ในผังเส้นทางการเงินยังโยงไปถึงคนอื่นอีกด้วย และท่านผบ.ตร.ได้รับว่าจะเป็นคนเซ็นในสำนวนแทน ผบช.น.ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าพนักงาน ท่านผบช.น.ไม่มีอำนาจในการเซ็นอีกต่อไป
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดเมื่อตี5 วันนี้ ตนได้รับข้อมูลเบื้องลึกว่า มีการวางเเผนหลบหนีโดยจีน ฉี่ขาวที่ถูกปล่อยตัวไปจากผับจิ้นหลิง 150 คน รวมฉี่ม่วง มีการรวมตัวกันวางแผนหลบหนีออกนอกประเทศ โดยยอมจ่ายเงินคนละ 5 ล้าน เหมาเครื่องบินยกลำไปลงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไม่กล้ากลับไปจีน เพราะเเต่ละคนมีคดียาเสพติด กลับไปก็หน้าอกพรุนสถานเดียว
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ถ้าในวันนั้น ผบช.น.จับทั้งฉี่ขาว ฉี่ม่วงไว้ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบเพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสะเพร่าโดยไม่ตั้งใจ และตนเข้าใจ ผบช.น.ต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม ปล่อยรถหรูออกไป 4 คัน ปล่อยผู้ต้องหากลางทางขณะนำไปฝากขัง ปล่อยรถเบนซ์ของนายเดวิส ซึ่งไม่รู้ว่าในรถมีอะไรบ้าง ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งทุกเรื่องตนมีหลักฐาน ส่วนเรื่องคนจีนวางเเผนหลบหนี
ทั้งนี้ขอเตือนตม. ถ้ารับเงินหรือปล่อย ตนมีหลักฐานเป็นสำเนาพาสปอร์ตทุกคนอยู่ในมือ ถ้าไม่มีดี ตนไม่กล้าออกมาชน มันจำเป็นต้องล้มกระดาน ในวันนี้จะเน้น 2 เรื่อง คือ การฟอกเงิน นอมินี และผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในคดีนี้ คือ ผบ.ตร. ส่วนที่ตนมายื่นเอกสารสำคัญให้กับอัยการ ตนก็ดูรายชื่อมาหมดแล้วว่าทุกคนไว้ใจได้ ตนจะขอเคลื่อนไหวเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายแล้ว