บิ๊กลอต ด่านปราการเหล็ก ตำรวจด่านแม่พริก ด่านสบปราบ สกัดยาบ้า ยาไอซ์ รวบกลุ่มขบวนการส่งเข้าเรือนจำ
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5}พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้วรอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง,นายธันวา ผุดผ่อง สำนักงาน ปปส.ภาค 5 ,พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ.ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดรวม 4 คน ตรวจยึดยาบ้ารวมกว่า 3 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 297 กก. คีตามีนอีก 20 กก. ยึดรถยนต์จำนวน 3 คัน ดังนี้
คดีที่ 1 เป็นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 06.40 น. โดยได้ของกลางเป็นยาบ้าประมาณ 2 ล้านเม็ด ไอซ์ 297 กก. และ คีตามีน 20 กก. ได้ตัวผู้ต้องหารวม 3 คน รถยนต์ 2 คัน
กรณีนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์กระบะด้านหลังติดตั้งตู้ทึบเพื่ออำพรางเป็นรถขนส่งสิ่งของ และใช้เส้นทางการลำเลียงผ่านจุดตรวจ ยาเสพติดแม่พริก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่งตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้พบกับรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาขับขี่ผ่านเข้ามาที่ด่านตรวจ แต่ผู้ต้องหากลับเร่งเครื่องยนต์ไม่ยอมหยุดรถ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ไล่ติดตามและสามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่รถไว้ได้ห่างจากด่านตรวจประมาณ 3 กม. จากการตรวจค้นรถยนต์พบยาบ้าประมาณ 2 ล้านเม็ด อยู่ในกล่องพลาสติกในตู้บรรทุกของตัวรถ จากนั้น ได้ทำการขยายผลต่อเนื่องและสามารถจับกุมผู้ทำหน้าที่ขับรถนำได้ที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้อีกจำนวน 2 คน นำพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับยาบ้าคดีนี้มีต้นทาง อ.พาน จ.เชียงราย ปลายทาง กรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่รถขนยารับว่าเคยลักลอบขนยาบ้ามาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 และถูกจับกุมตัวได้
คดีที่ 2 เป็นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติด สภ.สบปราบ จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 02.20 น. โดยได้ของกลางเป็นยาบ้าประมาณ 1 ล้านเม็ด ได้ตัวผู้ต้องหา 1 คน รถยนต์ 1 คัน
กรณีนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะในการลำเลียง และใช้เส้นทางการลำเลียงผ่านจุดตรวจยาเสพติดสบปราบ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่งตามวันเวลาเกิดเหตุได้พบกับรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาขับขี่ผ่านมา จึงได้เรียกให้หยุดและขอทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องพสาสติกทึบแสงที่บรรทุกท้ายกระบะรถจำนวน 4 กล่อง จึงได้ทำการจับกุมตัวและขยายผล ทราบว่า ผู้ต้องหาได้ไปรับยาบ้าของกลางที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากนั้นได้ลำเลียงโดยใช้เส้นทางผ่าน อ.วังเหนือ จ.ลำปาง จนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้พร้อมยาบ้าของกลางที่ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ โดยผู้ต้องหารับว่าได้เคยลักลอบลำเลียงยาบ้ามาแล้ว 3-4 ครั้ง โดยครั้งนี้ ผู้ต้องหาจะไปส่งยาบ้าที่ จ.กระบี่ ขณะนี้ทราบตัวผู้ที่ว่าจ้างผู้ต้องหาแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด จากการประชุม ป.ป.ส. ทวิภาคี ไทย-เมียนมา ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันหาแนวทางมาตราการในการสกัดกั้น และทำลายโรงงานผลิตยาเสพติดซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย และในช่วงนี้ใกล้เข้าสู่หน้าฝนกลุ่มผู้ผลิตจะเร่งการนำยาเสพติดที่ผลิตได้ออกจากโรงงาน ดังนั้นการทะลักของยาเสพติดจะเริ่มเข้ามาจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 5 สำนักงาน ป.ป.ส. ตลอดจนกองทัพภาค 3 ได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้นยาเสพติดทั้งตามแนวชายแดน และในเส้นทางต่างๆ ที่จะสามารถเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ รูปแบบการลำเลียงในทุกวันนี้ กลุ่มขบวนการได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบ การซุกซ่อนยาเสพติดกับพืชผลผลิตทางการเกษตร หรือ สินค้าพัสดุต่างๆ ตำรวจภูธรภาค 5 มีด่านตรวจยาเสพติดจำนวน 52 ด่าน กระจายครอบคลุมทุกเส้นทางในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ถือเป็นป้อมปราการสำคัญในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตลอดจนสิ่งของผิดกฎหมายเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านทุกนายได้รับการอบรมและฝึกฝนในเรื่องการตรวจค้นยาเสพติดเป็นอย่างดี ประกอบกับความใส่ใจ ขยันและอดทนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจ จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและตรวจยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก
ผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 5 ตั้งแต่ 1 ต.ค.65-ปัจจุบัน (5 เดือนเศษ)จับกุมคดียาเสพติดจำนวน 13,081 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดีรายสำคัญ จำนวน 70 คดี
ตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้า 60,609,872 เม็ด ไอซ์ 1,472 กก.คีตามีน 421 กก. ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด ประมาณ 377 ล้านบาท