ที่เดอะมอลล์บางกะปิ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบการฉีดวัคซีน ณ จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 บริเวณ MCC Hall ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ที่เป็น 1 ใน 14 แห่งนำร่องต้นแบบของสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หน่วยนี้จะเปิดให้บริการฉีดจริงในวันเสาร์ที่ 15 พ.ค. นี้ สามารถฉีดวัคซีนได้วันละ 2,000 คน/วัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้จัดหาวัคซีนและฉีดให้กับประชาชนอย่างครอบคลุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าช่วงนี้ ต้องการตรวจเยี่ยมสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล เพื่อปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ให้มากยิ่งขึ้น เบื้องต้นจะเน้นไปในจุดที่มีความเสี่ยงสูงก่อน และจะกระจายไปตามจุดที่มีการฉีดวัคซีนต่าง ๆ ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มทั้งประเทศ ตามปริมาณวัคซีนที่กำลังจะทยอยเข้ามาเพิ่ม เพื่อให้เพียงพอสำหรับประชาชนในประเทศ ที่สำคัญต้องมีการตรวจสอบคัดกรองทุกตารางนิ้วของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีโรงพยาบาลสนามรองรับสำหรับผู้ที่มีอาการ เพื่อลดอาการป่วย ลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐ นายกรัฐมนตรียังแนะให้ประชาสัมพันธ์ถึงการแต่งกายให้พร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้รับทราบด้วย เพื่อให้การรับบริการฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสะดวกรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการจัดหาสถานที่สำหรับบริการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนว่า มีการขอความร่วมมือกับภาคเอกชน รวมถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือกสำหรับให้บริการประชาชน โดยมีวัคซีน Astrazenaca เป็นวัคซีนหลักก็จะมีวัคซีนเข้ามาเสริมเรื่อย ๆ รวมถึงมีวัคซีนทางเลือกเช่น Moderna สำหรับให้บริการประชาชน ที่ขณะนี้ได้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีน Moderna สำหรับเป็นวัคซีนทางเลือกอีกชนิดหนึ่งแล้ว โดยจะเน้นฉีดวัคซีนในกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าก่อน และมีการขยายไปสู่กลุ่มคนที่ต้องมีการพบปะกับกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น รถบริการสาธารณะ มอเตอร์ไซค์ Grab รวมไปถึงขยายไปในกลุ่มของโรงงานต่าง ๆ และแรงงานด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างมีการตรวจสอบคัดกรองมาโดยตลอด
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า การดำเนินงานของรัฐบาลไม่ได้เกิดจากความกดดันแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ภายใต้กฎระเบียบที่มีอยู่ พร้อมดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งการเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามรองรับหากเกิดสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น การใช้แนวทางการกระจายวัคซีนจากส่วนกลาง ไปในพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาคให้รวดเร็วขึ้น นายกรัฐมนตรียังเผยว่า การต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ต้องสู้ไปด้วยกัน ร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล เอกชน และประชาชน โดยต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ไม่โทษกันไปมา ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยโทษประชาชน ตามที่มีบางกลุ่มนำไปบิดเบือน พยายามสร้างความขัดแย้ง ประชนคือคนที่รัฐต้องดูแล และดูแลให้ดีที่สุด
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัญลักษณ์ที่เราใช้ในวันนี้ “V” หมายถึงวัคซีนที่จะเอาชนะโควิด-19 ควบคู่ไปกับสัญลักษณ์ “Love” ที่พวกเราต้องรักสามัคคีกัน รักตัวเอง รักครอบครัว รักสังคม และประเทศชาติ ประเทศไทยจึงจะฝ่าฟันผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 นี้ไปได้