เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ความโดยสรุปว่า จากการแพร่ระบาดของโควิดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ที่ผ่านมารัฐบาลกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดมาระยะหนึ่งแล้ว จึงสมควรผ่อนคลายมาตรการควบคุมบางกรณี ประกอบด้วย ข้อ 1 ข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
การจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่ายที่ดำเนินการ ในกรณีที่กลุ่มบุคคลที่จำเป็นต้องเข้าประชุมอยู่ในสถานที่หนึ่งที่ใดเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่องหลายชั่วโมง ซึ่งการสวมหน้ากากอาจไม่สะดวกและเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ในการประชุม หากการประชุมกำหนดมาตรการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรค เว้นระยะห่างในการประชุม ให้ผู้เข้าประชุมสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งแสดงใบรับรองผลการตรวจไม่มีความเสี่ยงติดเชื้อ โดยให้ผู้ควบคุมการประชุมกำหนดให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวต้องสวมหน้าตลอดการประชุม แต่อาจผ่อนผันเฉพาะช่วงอภิปรายหรือแสดงความเห็นในที่ประชุมได้ตามความเหมาะสมแห่งสภาพการณ์และความสมควรแก่เหตุ
ข้อ 2 การปรับระดับมาตรการ แบ่งเป็น 1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิม 6 จังหวัด ลดเหลือเพียง 4 จังหวัด คือ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ มาตรการจะปรับคือนั่งกินอาหารที่ร้านได้ไม่เกิน 25% เปิดเวลาไม่เกิน 21.00 น. และขายกลับบ้านไม่เกิน 23.00 น. ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน 2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 45 จังหวัด ลดเหลือ 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลา และสุราษฎร์ธานี สามารถนั่งกินอาหารที่ร้านได้ถึง 23.00 น. ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และ และ 3.พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 26 จังหวัดเพิ่มเป็น 56 จังหวัด คือ จังหวัดที่เหลือ สามารถนั่งกินอาหารที่ร้านได้ตามปกติ ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยให้มีผลลตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.2564 เป็นต้นไป