วันนี้ (17 ก.พ. 67) เวลา 13.30 น. ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมหารือแผนพัฒนาและแก้ปัญหาของจังหวัดนครพนม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้
นายกฯ ได้ติดตามประเด็นการพัฒนาที่สำคัญของจังหวัดนครพนม เช่น แผนงาน/โครงการที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล อาทิ โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและการบริหารจัดการน้ำ การยกระดับเมืองรองเป็นเมืองหลัก โครงการจัดตั้ง Medical & Wellness Hub เที่ยวชุมชน ยลวิถี ชุมชนคุณธรรม บ้านท่าเรือ ตําบลท่าเรือ อําเภอนาหว้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP การแปรรูป การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน เส้นทางการท่องเที่ยว งานวิจัยและพัฒนา โดยนายกฯ สอบถามถึงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลนครพนม ที่จะมีการพัฒนาศักยภาพภายใต้โครงการจัดตั้ง Medical & Wellness Hub รวมถึงงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่ขอให้ทำข้อเสนอที่ชัดเจนอีกครั้ง
นายกฯ กล่าวว่าดีใจที่ได้มาเยี่ยมเยียนและพบปะกับประชาชนชาวจังหวัดนครพนมอีกครั้ง ซึ่งจังหวัดนครพนมถือเป็นจังหวัดที่ที่มีศักยภาพและจุดแข็ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญในการยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก สิ่งสำคัญคือยุทธศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาซึ่งต้องทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน โดยใช้ศักยภาพและจุดแข็งที่จังหวัดมีอยู่ เช่น การท่องเที่ยว ด้านการเกษตรโดยเฉพาะเรื่องของผลไม้ต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนา เช่น ทุเรียนของไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากต่างประเทศและมีการส่งออกไปจำนวนมาก เช่น จีน เรื่องนี้ถ้ามีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งคมนาคม และ One Stop Service ไม่ให้ภาคธุรกิจเสียเวลาคอยนานจะทำให้การส่งถ่ายสินค้าของไทยออกไปต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ในการแก้ปัญหาตู้เปล่าโดยการนำสินค้าใส่กลับเข้ามาด้วย
รวมถึงรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องระบบชลประทาน การไม่ท่วมไม่แล้ง รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ รวมไปถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับด่านศุลกากรฯ โดยเฉพาะเรื่องของการขนถ่ายสินค้าเข้า-ออกที่ต้องการให้กระบวนการขั้นตอนของด่านฯ ให้เป็น One Stop Service เพื่อให้การส่งสินค้าเข้า-ออกสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ นายกฯ ยังย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลิตสินค้าต่าง ๆ ของท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่แล้วให้มีการออกแบบที่น่าสนใจ สอดคล้องและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเพื่อเพิ่มรายได้มากขึ้น โดยทำงานร่วมกับภาคเอกชนมาช่วยพัฒนาตรงนี้ด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการของดีประจำ 12 อำเภอ ภายใต้ 3MUST (Eat Travel Visit) ณ บริเวณ ชั้น 1 หอประชุมหาวิทยาลัยนครพนม โดยนายกรัฐมนตรีได้สวมชุดศรีโคตรบูรและเยี่ยมชมนิทรรศการของดีประจำ 12 อำเภอ ดังนี้ 1. อําเภอนาหว้า ได้แก่ ผ้าไหมมัดหมี่ จักสานกกเครื่องดนตรีอีสาน 2. อําเภอศรีสงคราม ได้แก่ จักสานไม้ไผ่และผ้าย้อมสีธรรมชาติ 3. อําเภอบ้านแพง ได้แก่ ชาถั่วดาวอินคา 4. อําเภอนาทม ได้แก่ ไม้กวาดหญ้าขนตาช้าง 5. อําเภอเมืองนครพนม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จักสานไม้ไผ่ 6. อําเภอปลาปาก ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าบาติก 7. อําเภอโพนสวรรค์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวอินทรีย์ 8. อําเภอท่าอุเทน ได้แก่ สับปะรด GI ปลาส้ม หนังเค็ม 9. อําเภอนาแก ได้แก่ ผ้าฝ้ายยกดอกและผ้าขิดลายโบราณ 10. อําเภอธาตุพนม ได้แก่ กาละแมโบราณ และเครื่องเงิน 11. อําเภอเรณูนคร ได้แก่ สุราพื้นบ้าน อุ๊เรณูนคร และ 12. อําเภอวังยาง ได้แก่ ผ้าย้อมโคลน ภายใต้แนวคิด 3MUST (Eat Travel Visit) พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกับภาคเอกชนและกลุ่มผลิตสินค้าชุมชนต่าง ๆ ตามนิทรรศการ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนผ้าไหมมัดหมี่สีม่วง อำเภอนาหว้า กระเป๋าสะพายข้างผ้าพื้นเมือง ลายใบตองใบเตย อำเภอนาแกอีกด้วย
นายกฯ เดินทางถึง จ.สกลนคร เยี่ยมชมตลาดเทศบาลนครสกลนคร พบปะทักทายประชาชน ขอบคุณชาวสกลนครที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (17 ก.พ. 67) เวลา 17.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางมายังตลาดเทศบาลนครสกลนคร ต.ดงมะไฟ อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อเยี่ยมชมตลาดเทศบาลนครสกลนคร และพบปะทักทายกับประชาชน พ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบกิจการค้าขายในตลาด โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงการค้าขายของพ่อค้า แม่ค้า ว่าการค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง ประสบปัญหาอะไรหรือไม่ โดยพ่อค้า แม่ค้าต่างบอกว่าการค้าขายดีในช่วงนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวสกลนครที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับร่วมถ่ายภาพกับประชาชน พ่อค้า แม่ค้าด้วยความเป็นกันเอง และยังได้สนับสนุนสินค้าของพ่อค้า แม่ค้า เช่น ผัก ผลไม้ ไข่มดแดง ข้าวโพด และถั่วต้มด้วย