เปิดวิสัยทัศน์ “มงคล” ประธานวุฒิสภาคนใหม่

ประธานวุฒิสภาคนใหม่ ย้ำว่าตนเองมาจากก้อนดิน ไม่มีเส้นสาย ทำงานเพื่อประชาชน-ปกป้องสถาบัน

วันนี้ 23 ก.ค.67 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานสมาชิกวุฒิสภาคนใหม่ ได้แสดงวิสัยทัศน์ ก่อนได้รับเลือกว่าตนเอง มาจากก้อนดิน ก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นมีสาย เติบโตมาในระบบราชการ โดยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ เต็มประสบการณ์ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชน คลุกคลีอยู่กับประชาชนในชนบทตลอดชีวิต

“ทั้งนี้ชีวิตผมมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ ผมเข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นมีสาย ผมเติบโตมาในระบบราชการ ด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ ผมมีปรัสบการในการประสานงาน กับประชาชน คลุกคลีกับประชาชนในชนบทตลอดชีวิตเมื่อเกษียณอายุราชการได้ไปทำไร่ อยู่ในชนบท ผมทราบดี เข้าใจความรู้สึกของสว. เข้าใจปัญหาตนมีประสบการณ์ยาวนาน มีเพื่อนทุกหมู่เหล่า ผมสามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้”

นายมงคลยังกล่าวว่า นับตั้งแต่ตนบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตนสำนึกว่าแผ่นดินนี้ได้ให้โอกาสตนมากมายเหลือเกิน ตนตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศชีวิต ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินรับใช้ประชาชน รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นปณิธานที่แน่วแน่ยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่รับราชการจนถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมารับเลือกเป็นสว.คือความหวังที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อรับใช้ ประชาชน แก้ไขปัญหาคนในชาติ ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

“ผมอยากเห็นสังคมไทย คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องไม่สร้างความแตกแยก เราจะเริ่มต้นจากความเป็นหนึ่งเดียวของวุฒิสภาแห่งนี้ วุฒิสภาเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติเป็นองค์กรสำคัญ ที่จะพาสังคมไทย เดินหน้าไปได้ด้วยสันติวิธี รวมถึงมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย และคนไทย อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภารกิจของเราทุกคนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา วิกฤติที่เกิดขึ้น ทั้งในทางการเมืองในทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่ประเทศอื่นก็เป็น เพราะฉะนั้น เราจะไปหวังให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน”

สำหรับประวัติโดยย่อของนายมงคล สุระสัจจะ เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2495 ที่อำเภอหนองโดน จ.สระบุรี

ช่วงปี 2511 – 2515 เขาได้มาเรียนที่ ที่โรงเรียนการช่างนครนายก แต่ก็เรียนได้แค่ปีเดียว เพราเกเร จึงย้ายมาจบ ปวช. ที่โรงเรียนพานิชยการพระนครศรีอยุธยาจากนั้นก็เข้าเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือเรียกว่า “สิงห์ทอง”

ปี 2517 “มงคล” ได้ทำกิจกรรมพัฒนาชนบท” และเข้าค่ายฝึกกำลังคนใหม่หมูบ้านกะเหรี่ยงที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่จากนั้นเขาก็เข้าป่าในยุคความเห็นต่าง อยู่ที่ภูบรรทัด แต่ก็ออกมาในที่สุดก็ออกมาเรียนต่อจนจบและเข้าเป็นปลัดอำเภอและรับราชการที่กระทรวงมหาดไทย

เมื่อปี 2522ปี 2532 เขาย้ายมาเป็นปลัดอำเภอธัญบุรี และที่นี่เขาได้รู้จัก “เสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช” ที่วันนั้นเป็นรองผู้ว่าฯ ปทุมธานี

ต่อมาเสริมศักดิ์ก็ได้สนับสนุนให้เขาเข้าโรงเรียนนายอำเภอและเป็นนายอำเภอครั้งแรกที่หนองม่วง ลพบุรีต่อมา “เสริมศักดิ์” ได้ไปเป็นผู้ว่าฯ นครพนม “มงคล” ก็ตามไปเป็น นายอำเภอศรีสงคราม ที่นครพนม

ก่อนย้ายมาที่ อ.ธาตุพนม อ.บ้านนา นครนายกฯ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนที่จะเป็น รองผู้ว่าฯ ศรีษะเกษการเป็นรองผู้ว่าฯศรีสะเกษ

เขาก็ได้โชว์ฝีมือพูดคุยกับชาวบ้านที่ต้านเขื่อนราษีไศลจนได้ใจ แม้แต่ตอนที่เขาไปรับตำแหน่งผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ชาวบ้านยังเหมารถบัสไปส่ง และที่บุรีรัมย์ที่เองเขาได้รู้จักกับ “เนวิน ชิดชอบ” ปี 2552 สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยขณะนีั้นก็ได้ตั้ง “มงคล’ เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนและเมื่อปี 2553 เขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมการปกครองและในวันนี้เขาก็ได้เป็นประธาน สว. ท่ามกลางเสียงลือเรื่อง “สีน้ำเงินคอนเนคชั่น”

ฮอนด้า แอคคอร์ด

ที่สุดแห่งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับพรีเมียม