(กรุงเทพฯ) เลขาธิการคณะกรรมการสกสค. ยืนยันไม่มีนโยบายให้ปรับเบี้ยประกันเงินกู้ ช.พ.ค.-ชพส. เผยได้ยื่นข้อเสนอต่อธนาคารออมสิน และ บริษัท ทิพยประกันภัย เพื่อขอความอนุเคราะห์ไม่ให้มีการปรับอัตราเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ตามแนวทางนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. กล่าวว่า หลังจากที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ว่า บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้รับประกันสินเชื่อในโครงการเงินกู้ ช.พ.ค. ที่ สกสค.ได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน ในฐานะผู้ให้กู้ ได้ทำการแจ้งขึ้นอัตราค่าเบี้ยประกันส่งให้สาชิกโดยตรง
ดร.พีระพันธ์ กล่าวว่า สกสค.ในฐานะที่เป็นผู้บริหารและกำกับโครงการเงินกู้ ช.พ.ค. ได้เล็งเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราค่าเบี้ยประกันดังกล่าว จะเป็นการสร้างภาระและความเดือดร้อนให้กับบรรดาสมาชิกครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เข้าร่วมในโครงการเงินกู้ดังกล่าว และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ทำหนังสือ ถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อให้พิจารณาแจ้งหารือกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ให้การช่วยเหลือทบทวนอัตราค่าเบี้ยประกันสินเชื่อในโครงการเงินกู้ของสมาชิก ช.พ.ค ในทันที
“ทันทีที่ทราบข่าว เราได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนในการที่จะขอให้ ทาง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) พิจารณาทบทวนการขึ้นเบี้ยประกันภัยในโครงการดังกล่าว โดยได้ทำหนังสือผ่านธนาคารออมสิน ในฐานะเป็นผู้ร่วมสัญญาโดยตรง เพื่อจะช่วยลดภาระให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ตามตามเจตนารมณ์ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ”เลขาธิการคณะกรรมการสกสค.กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือในการปรับลดเบี้ยประกันเงินกู้สวัสดิการของสมาชิก ช.พ.ค.-ช.พ.ส ต่อ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเป็นการบรรเทา ความเดือดร้อนให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดย การแจ้งขอความอนุเคราะห์ต่อบริษัท ทิพยประกันภัย มีการทบทวนปรับลดเบี้ยประกันให้กับสมาชิกผู้กู้เงินตามโครงการ ช.พ.ค. นั้น ทาง สกสค.ได้รายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และแจ้งผลดำเนินการไปยังสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ แล้ว เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา