“สว.วีระพันธ์” แนะรัฐเพิ่มรายรับ-ขยายฐานจัดเก็บภาษีให้ครอบคลุมมากขึ้น ควบคู่ลดการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล
วันนี้ 9 ก.ย.67 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายต่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 กรอบวงเงินกว่า 3.75 ล้านล้านบาท ว่าประเทศไทยมีรายรับจากหลายทางทั้งจากการจัดเก็บภาษีทางตรง ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีทางอ้อมจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7%
ทั้งนี้ภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือเป็นภาษีที่ไม่เป็นธรรม เพราะคนจนและคนรวยต้องเสียภาษีในอัตราที่เท่ากันขณะที่รายรับของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศ แต่จำเป็นต้องมีต่อไป ซึ่งรัฐบาลต้องเน้นการเก็บภาษีทางตรงให้ได้มากขึ้นควบคู่ไปด้วย
นายแพทย์วีระพันธ์ ยังกล่าวว่า ผลกำไรจากการค้าขายธุรกิจต่าง ๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนค่าเช่า และกลุ่มดอกเบี้ยนอกระบบ รัฐบาลยังไม่สามารถจัดเก็บได้ทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งรัดให้ประเทศมีรายได้จากการเก็บภาษีทางตรงให้มากขึ้น
พร้อมเสนอแนะแนวทางไปยังรัฐบาลให้ขยายฐานภาษีเพื่อจัดเก็บได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยมีโอกาสที่จะขยายฐานภาษีจาก ภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถจัดเก็บจากสินค้าที่ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษี โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อนำมาขายบนระบบออนไลน์ โดยกำหนดให้บริษัทแพลตฟอร์มเป็นผู้ส่งภาษีให้รัฐบาลโดยตรง ซึ่งปัจจุบันผู้ขายเป็นผู้ส่งภาษีเอง โดยหากเก็บภาษีในส่วนนี้ได้ทั้งหมดรัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี
ส่วนบริษัทต่างประเทศที่เข้ามามีรายได้ในประเทศไทย แต่บริษัทไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลต้องกำหนดให้บริษัทดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้องเพื่อเสียภาษีนิติบุคคลอย่างถูกต้อง
“ขณะนี้รัฐบาลใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดวิกฤตการคลัง เพราะการขาดดุลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นรัฐบาลควรหารายได้ให้มากขึ้น ซึ่งก็คือการขยายฐานภาษีให้ครอบคลุม”