เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทยเปิดเผยวันนี้ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้านที่ประสบภัยพิบัติจากดินโคลนที่แม่น้ำสายทะลักท่วมเข้ามา ในชุมชนต่างๆของแม่สาย จังหวัดเชียงราย และได้นำคณะอาสาสมัครจากกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆจากสมุทรปราการ ชลบุรี ประจวบคีรีขันต์ไปช่วยชาวบ้านล้างบ้านเรือนจากกองโคลนที่ชุมชนถ้ำผาจมซึ่งติดกับย่านสายลมจอยวานก่อนนี้นั้น
วันต่อมา ตนได้สลับมาเยี่ยมตะเวณช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากดินโคลนเข้าพื้นที่ที่เขต เกาะทราย ซึ่งติดแม่น้ำสายอยู่ต่อเนื่องจากพื้นที่บ้านลุงขนเช่นกัน โดยมี Mr. VERN Unsworth และภรรยา ไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดเหมืองแดง ซึ่งหลวงพ่อเมตตาเปิดพระอุโบสถวัดให้เป็นทั้งที่พักพิงแก่ชาวบ้านที่ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ และใช้พระอุโบสถเป็นที่เก็บสิ่งของบริจาคเพื่อสนับสนุนชาวบ้านที่เดือดร้อน
ในขณะเดียวกัน คณะของนายวีระศักดิ์ก็ไปเยี่ยมคณะสงฆ์และเณรที่วัดเกาะทรายคำ ในเขตพื้นที่เกาะทราย พบคณะสงฆ์และเณรในวัดกำลังพยายามกวาดเก็บโคลนออกจากศาลาสวดและใช้งานอเนกประสงค์ของวัด นายวีระศักดิ์และคณะจึงเข้าช่วยในการผลักโคลนเลนที่หนาถึงกว่าฟุตที่ท่วมกองตลอดแนวยาวของทั้งศาลาออก และไปทำความสะอาดห้องน้ำวัดซึ่งมีผู้เดินผ่านเลนโคลนเข้าไปใช้ตลอดวัน
จากนั้นไปเยี่ยมพื้นที่ในชุมชนเกาะทราย พบว่ามีชาวบ้านที่ไม่สามารถเดินเข้าตรอกลึก20เมตรที่เป็นทางเข้าออกกลุ่มบ้านเรือนตนเองได้ เพราะโคลนและน้ำนำเศษไม้และวัสดุสารพัดอย่างมากองอุดปิดทาง
ซึ่งนายวีระศักดิ์คาดว่าคงต้องอาศัยเลื่อยยนต์ตัดผ่าเข้าไป จึงประสานแจ้งทางการให้ทราบเพื่อเร่งหาทางช่วยบรรเทาปัญหาในระดับซอยต่อไป เนื่องจากขณะนี้สภาพถนนทางหลักในชุมชนแม้มีโคลนอยู่แต่หน่วยงานต่างๆก็เร่งระดมขนย้ายโคลนออกไปได้ตลอดวันตลอดคืน และน่าจะใกล้ถึงการขยับเข้าถนนซอยซึ่งมีอยู่จำนวนมากได้ต่อไป
อนึ่ง นายวีระศักดิ์เปิดเผยด้วยว่า”…ผมเดินวนสำรวจในหลายถนนหลายตรอกซอย นั่งรถผ่านไปมาหลายรอบ ไม่เห็นสุนัขซอย สนุขจรจัดแม้แต่ตัวเดียว ไม่ได้ยินเสียงสุนัขเห่า ถามคนแถวนั้นได้คำตอบว่าคาดว่าคงถูกน้ำโคลนที่มารวดเร็วกวาดทับจมใต้โคลนที่เริ่มแห้งไปแทบทั้งหมด แต่ยังพอเห็นไก่ เห็นแมวบ้างบางตา นับว่าคิดแล้วน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง..”นายวีระศักดิ์กล่าว