(14 ต.ค. 67) เวลา 09:00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการดัง พร้อมด้วยนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พากลุ่มผู้เสียหายมากกว่า 40 คน จากกรณีบริษัท The icon group เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)
นายกรรชัย เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายจากบริษัท The icon เป็นจำนวนมากมากขึ้น และกระจายตัวเป็นวงกว้าง วันนี้ตนเองจึงได้เอาผู้เสียหายที่ติดต่อเข้ามาเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม รวมถึงนายปกรณ์ที่เดินทางมาด้วยกัน เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจเนื่องจากตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกับสื่อเลย และยังได้รวบรวมกลุ่มผู้เสียหายที่ติดต่อกับนายปกรณ์กว่า 40 คน และยังมีกลุ่มผู้เสียหายของนายกัณฐัศว์ด้วย จึงรวมตัวกันมาร้องในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่บางกลุ่มมองว่า รายการโหนกระแสเอาแม่ข่ายของ The icon group ไปฟอกในรายการนั้น นายกรรชัย ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดได้ หากเปรียบเทียบคือ ถ้าเราเอาเศษขนมปัง ไปตกปลาใหญ่ ปลาใหญ่ก็ไม่มอง ฉะนั้น ต้องเอาก้อนขนมปัง ไปล่อปลาใหญ่ เช่นเดียวกันกับที่ต้องเอาแม่ข่าย มาออกรายการ ถึงจะสาวไปถึงบอสใหญ่ได้ พร้อมย้ำว่า ไม่มีทางที่ใครจะฟอกตัวได้ เพราะสุดท้ายถ้าทำผิดจริงก็โดนดำเนินคดีอยู่ดี
ส่วนกรณีที่วิจารณ์ว่ากลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่มารวมตัวกันเพื่อแจ้งความเอาผิดกับทาง The icon group เป็นเหมือนขบวนการรุมกินหมาเน่าใช่หรือไม่ นายกรรชัย กล่าวว่า เป็นสิ่งที่จะคิดก็ได้ บอสพอลก็คิดได้เช่นกัน แต่ถ้าหมาเน่ามันทำให้สังคมเหม็น แต่ถ้ากินหมาเน่าแล้วสังคมมันดีตนก็ยอมกิน เพื่อให้สังคมดีขึ้น เพราะอย่างไรประชาชนก็ต้องมาก่อนและได้ประโยชน์
สำหรับกรณีที่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ที่อยากมาออกรายการโหนกระแสนั้น นายกรรชัย ยืนยันว่า ได้เห็นข่าวแล้ว ก็ขอให้เวลาเขาพร้อมก่อน ซึ่งทางรายการยินดีมาก ๆ ที่จะมาออกรายการ และในใจลึก ๆ และส่วนตัวคิดว่าจะได้เจอกับบอสพอลเร็ว ๆ นี้ พร้อมฝากให้นายวรัตน์พล กล้า ๆ หน่อย อย่างน้อย ๆ ก็ควรที่ต้องออกมารับผิดชอบ
ส่วนผู้เสียหายรายอื่น ๆ ที่ยังไม่กล้ามาแจ้งความนั้น นายกรรชัย กล่าวว่า ขอให้อุ่นใจ อย่าไปกลัวคำขู่ว่าจะโดนฟ้องกลับ ให้ออกมาแจ้งความกันเยอะ ๆ เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง และสามารถเข้าแจ้งความได้ทุกโรงพักทั่วประเทศ หากตำรวจไม่รับแจ้งความ จะมีความผิดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของ ผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคลิปเสียงที่มีการกล่าวหาว่าเป็นบอสพอล พูดคุยกับชายอีกคนหนึ่ง เพื่อขอเคลียร์คดี ซึ่งผู้ชายปลายสาย บอกว่า “แค่ดีดนิ้วเรื่องก็จบ” นายกรรชัย ระบุว่า ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเสียงของบอสพอลจริงหรือไม่ เราก็ควรให้ความเป็นธรรมกับเขา พร้อมมองว่า เรื่องนี้จะไปเคลียร์กับใคร ก็ไม่เป็นผล เพราะกระแสสังคม จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่จะนำไปสู่การเอาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกคน และกล่าวทิ้งท้ายว่า “ส่วนเรื่องดีดนิ้วนั้น มึงไม่ใช่ทานอสทำไม่ได้”
ด้าน นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ระบุว่า ตนเองมาดำเนินการใน 3 เรื่องโดยเรื่องแรก คือ พาผู้เสียหายที่แจ้งเรื่องเข้ามาทางไอจีส่วนตัวมาแจ้งความ เพราะผู้เสียหายบางคนก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า ตนเองได้ประกาศจุดยืนว่าจะอยู่เคียงข้างผู้เสียหาย และอยากทำอะไรที่เป็นการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตนเองก็ถือว่ามีส่วนในความเสียหายนี้ พร้อมย้ำว่า ตนเองก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ จนทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก
เรื่องที่ 2 ตนเองเข้ามาให้ปากคำตามที่บอกในรายการโหนกระแสว่ายินดีจะเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย โดยวันนี้ได้ประสานกับทางตำรวจไว้แล้วว่าจะเข้ามาให้ปากคำ
เรื่องสุดท้าย ตนเองจะลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง และจะแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท The icon group เนื่องจากบริษัทนี้ ปกปิดข้อมูลไม่ได้บอกข้อมูลที่แท้จริงกับตนเอง จนทำให้ตัวเองเข้าใจผิด และเกิดความเสียหายนี้ขึ้นมา รวมทั้งบริษัท ยังได้ลักลอบนำรูปของตนเองไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เกิดความเสียหายและย้ำว่า ในการที่มาร้องทุกข์วันนี้ ไม่ได้เป็นการลบล้างสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่สามารถลบล้างในสิ่งที่ตนทำได้ โดยจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม จนทำให้มีผู้เสียหายขึ้น
ขณะที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ กล่าวว่าวันนี้พาผู้เสียหายนับ100 คน มาแจ้งความดำเนินคดี ผู้เสียหายบางคนที่เป็นผู้พิการ ขายของไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว แต่บริษัทกลับเคลมว่า ผู้เสียหายคนนี้ประสบความสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ขายสินค้าไม่ได้ เขากลัวว่าจะมีผู้พิการคนอื่นหลงเชื่อ แล้วกลายเป็นเหยื่อ
นายกัณฐัศว์ ยืนยันว่าการกระทำของบริษัท The icon group เข้าข่ายผิดคดีไหน เราจะดำเนินคดีนั้น ไม่มีละเว้น ส่วนใครที่ถูกข่มขู่ ให้ส่งเรื่องมาที่ตนได้เลย แล้วจะทำการตรวจสอบให้ และรื้อกลุ่มพวกนี้ ซึ่งพวกเราไม่ได้รับเงินใครมา
นายกัณฐัศว์ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้พวกบอสทั้งหลาย มีความรับผิดชอบ มีความกล้าหาญ เหมือนนายป ปกรณ์ พร้อมตั้งข้อสัยว่า บางคนจากเดิมเป็นผู้บริหาร แต่วันนี้กลับกลายมาเป็นพีอาร์ มันจะเป็นไปได้อย่างไร