นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 และ มาตรา 39 ในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตน ในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ 42 จังหวัด ได้แก่กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น ชัยภูมิ ชุมพรเชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตาก นครนายก นครปฐม นครพนมนครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงาพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหารแม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย สตูล สระบุรี สุโขทัยสุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุดรธานี และอุตรดิตถ์
สาระสำคัญเป็นการลดหย่อนการออกเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง โดยให้การลดหย่อนการออกเงินสมทบมีผลใช้บังคับในงวดเดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568
(1) กรณีนายจ้างซึ่งขึ้นทะเบียนนายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา33 ซึ่งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ในท้องที่ที่กำหนดในข้อ 1. ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบ จากเดิมอัตราฝ่ายละ 5% เป็นอัตราฝ่ายละ 3% ของค่าจ้างผู้ประกันตน
(2) กรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ซึ่งมีทะเบียนผู้ประกันตนในท้องที่ที่กำหนดในข้อ 1. ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 โดยนำส่งเงินสมทบ จากเดิมอัตรา 9% เป็นอัตรา 5.90% ของค่าจ้างของผู้ประกันตน คิดเป็นจำนวนเงิน จากเดือนละ 432 บาท เป็นเดือนละ 283 บาท