สว.ชี้เหตุระเบิดโรงงานปราจีนบุรี สะท้อนปัญหาการบังคับใช้กฎหมายและการดูแลความปลอดภัยที่บกพร่อง
วันที่ 4 ธ.ค.67 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษากรณีสารเคมีรั่วไหลจากเหตุระเบิดของโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ที่จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อ 26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีแรงงานต่างด้าวเสียชีวิตรวม 2 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
โดยวันนี้ที่ประชุมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยผู้แทนของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ , ผู้แทนเลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม , ผู้แทนเลขาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าว 3 มิติ เข้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อคณะกรรมมาธิการฯ ที่ห้องประชุม 327 อาคารรัฐสภา
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมซึ่งมีการซักถามและหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง นายชีวะภาพ กล่าวว่า การศึกษาเรื่องมลพิษไม่แช่แค่เรื่องโรงงานระเบิด แต่ยังมีมลพิษที่เกิดจากการลักลอบนำเข้าสารเคมีเข้ามาซุกซ่อนในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตสวนอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี ที่มีเหตุระเบิดถึง 2 โรงงานทั้งที่เป็นโรงงานใหม่ป้ายแดงเดินเครื่องทำงานได้ไม่ถึงปี ซึ่งคณะกรรมาธิการฯเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 โรงงานมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจริงๆควบคุมดูแลอยู่ ขณะเดียวกันแรงงานทั้ง 65 คนก็เป็นแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้งหมด
“คนไทยไม่มีสิทธิ์เลยหรือที่จะเข้าเป็นแรงงาน ฝากบีโอไอ ไปดูว่าระเบียบที่มีอยู่พอเพียงที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ หรือมีแนวทางที่จะให้แรงงานไทยได้สอบเข้าไปทำงาน จึงอยากให้กลับไปดูระเบียบและนำกลับม่เสนอต่อกมธ.อีกครั้งหนึ่ง”
ส่วนประเด็นการลักลอบฝังขยะกากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม นายชีวะภาพกล่าวว่า มีผู้ประกอบการบางส่วน ไปแอบเปิดโรงงานเถื่อน แต่เมื่อถูกสั่งปิดก็กลับมาเปิดอีก หรือบางโรงงานทำรีไซเคิลก็ไม่ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย นำขยะกากอุตสาหกรรมไปแอบซุกซ่อน สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้สัมฤทธิ์ผลได้ เนื่องจากนายทุนไม่เกรงกลัว บางกรณีศาลสั่งชดเชยและให้ฟื้นฟูแล้วก็ยังดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตาม
“กากสารพิษเหล่านี้ ต้องใช้เงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทเพื่อที่จะกำจัดหรือขนออก ส่วนหน่วยงานรัฐก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอ คณะกรรมาธิการฯจึงจำเป็นต้องพิจารณาการใช้งบจากกองทุนสิ่งแวดล้อม หรือกองทุนสินบนนำจับของกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งจะพิจารณาว่ามีกฎหมายตัวไหนที่ไม่เอื้ออำนวย ก็จะได้นำเสนอต่อที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป” นายชีวะภาพ กล่าว
