3 คณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ร่วมลงพื้นที่จันทบุรี ตรวจสอบนายทุนจีนรุกป่าสงวน สร้างสวนทุเรียนแปลงใหญ่นับพันไร่
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา , นายจำลอง อนันตสุข เลขานุการกมธ. , นายกิติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายและยุติธรรม วุฒิสภา , นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา รองเลขานุการคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา นำคณะกรรมาธิการทั้ง 3 คณะลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านร้องเรียนว่า มีนายทุนจีนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แผ้วถางป่าไม้เพื่อทำสวนทุเรียน โดยวันนี้ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้เข้าตรวจยึดพื้นที่จำนวนกว่า 28 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 7 ต.วังแซ้ม อ.มะขาม จ.จันทบุรี ซึ่งยังมีร่องรอยการแผ้วถาง-ปรับไถพื้นที่และตัดไม้หวงห้ามออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ชุดพยัคฆ์ไพร ยังได้ตรวจยึดตรวจพื้นที่เกือบ 1800 ไร่ ในพื้นที่อำเภอแก่งหางแมวและอำเภอคิชฌกูฎ ซึ่งมีเบาะแสว่าเป็นของกลุ่มทุนจีนและคนไทยต้องการพื้นที่ไปทำสวนทุเรียน แบบแปลงใหญ่
จากการตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง กับนักการเมือง และอดีตนักการเมืองท้องถิ่น รวมทั้งกลุ่มทุน ที่มีทั้งกลุ่มทุนภายในประเทศ และกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ที่ต้องการมากว้านซื้อที่ดินที่มีทำเลสวย ทำเลเหมาะต่อการปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยว นั่นก็คือการทำสวนทุเรียน การเป็นจำนวนมาก และค่อนข้างมีเนื้อที่เป็นแปลงขนาดใหญ่ ซึ่งมีคดีรายใหญ่พื้นที่นับพันไร่ที่น่าสนใจมาจากกลุ่มทุนจีนร่วมกับคนไทย
โดยพบว่าตั้งแต่ปลายปี 2567 จนถึงต้นปี 2568 ชุดพยัคฆ์ไพร ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการบุกรุกป่าเพื่อทำสวนทุเรียนแล้วหลายกรณี ซึ่งบางกรณีมีการอ้างเอกสารสิทธิโดยไม่ถูกต้อง และบางกรณีเป็นการรุกล้ำป่าสงวนโดยไม่มีอนุญาต ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีแล้วหลายคดี รวมถึงการตรวจยึดพื้นที่ที่พบว่ามีการบุกรุก 2 คดีใหญ่ที่ดำเนินการแล้ว
คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดพื้นที่ 105 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว พบการปรับไถพื้นที่ ขุดสระน้ำและตัดไม้ คาดว่าเตรียมใช้ปลูกทุเรียน เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีและคำนวณค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมกว่า 5.89 ล้านบาท
ส่วนคดีที่สอง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 มีการตรวจยึดพื้นที่ 1,848 ไร่ 3 งาน 4 ตารางวา ครอบคลุมป่าสงวนแห่งชาติหลายแห่งใน อ.แก่งหางแมว และ อ.เขาคิชฌกูฏ พบว่าเป็นแปลงขนาดใหญ่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนและคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เปิดเผยว่า จากการขยายผลพบกลุ่มข้าราชการตำรวจในพื้นที่ และกลุ่มนายทุนชาวจีนมีส่วนสนับสนุนด้วย ซึ่งกรณีแบบนี้น่าเป็นห่วงและทางคณะกรรมาธิการทั้ง 3 คณะได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นกรณีศึกษา โดยเฉพาะที่มีการระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นั้น ทางกรรมาธิการกฎหมายและยุติธรรม วุฒิสภา จะรับไปศึกษาข้อเท็จจริงรวมติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีให้สัมฤทธิ์ผลครบถ้วน เพื่อหยุดยั้งขบวนการดังกล่าว
ทั้งนี้วุฒิสภากำลังดำเนินการจัดทำ “โครงการ สว.พบประชาชน” ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้พบปะกับสว. เพื่อสะท้อนปัญหาและรับข้อร้องเรียนของประชาชนเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป.