อนุกมธ.กีฬา วุฒิสภา พร้อมช่วย กกท.เข็น “สถาบันมวยไทยแห่งชาติ” ปลดล็อดกฎหมายและผลักดันงบประมาณ ด้าน เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ร้องหน่วยงานรัฐ เร่งกวดล้างยิมเถื่อน ก่อนมรดกชาติถูกกลืน

วันที่ 29 ต.ค.68 นายจำลอง อนันตสุข สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา พิจารณาเรื่อง การศึกษาและติดตามการจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ โดยเชิญผู้อำนวยการสถาบันมวยไทยแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย, เจ้าของโรงเรียนสอนมวย , หัวหน้าส่วน และอดีตรองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา รวมถึงนักวิชาการด้านกฎหมายมวย เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายจำลองกล่าวว่า ข้อสรุปจากการศึกษาชี้ชัดว่า พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 มีหลายมาตราที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ต่อการขับเคลื่อนภารกิจและจำกัดความเป็นอิสระของ สถาบันมวยไทยแห่งชาติ อุปสรรคทางกฎหมายเหล่านี้ส่งผลให้สถาบันฯ ไม่สามารถเดินหน้าตามเป้าหมายที่คาดหวังได้อย่างเต็มที่
“คณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา พร้อมที่จะร่วมมือกับการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในการศึกษาหาแนวทางปลดล็อกข้อกฎหมาย ผลักดันการแก้ไขมาตราที่เป็นอุปสรรคใน พ.ร.บ.กีฬามวย เพื่อเพิ่มอำนาจและ ความเป็นอิสระ ในการบริหารจัดการให้แก่สถาบันมวยไทยแห่งชาติ รวมท้้งเร่งแก้ไขปัญหางบประมาณที่ถูกตัดหรือถูกจำกัด จนส่งผลให้สถาบันฯ ไม่สามารถยกระดับและขับเคลื่อนมวยไทยให้เป็น Soft Power และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้อย่างแท้จริง” สว.จำลอง กล่าว

ด้านนายเจริญ ชูมณี หรือ “เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง” เจ้าของยิมมวยชื่อดัง กล่าวว่า แม้มวยไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศมหาศาล แต่กลับไม่เคยได้รับการเหลียวแลจริงจัง โดยเฉพาะรัฐบาลที่ผ่านมาประกาศนโยบาย ซอฟต์พาวเวอร์ มวยไทย แต่พอถึงเวลาจริงกลับไม่มีการสานต่อ ปล่อยให้วงการมวยอยู่ไปวันๆ จนต่างชาติจะเอาไปกินหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ชาวต่างชาติหิ้วกระเป๋าเข้าไทยมาใบเดียว แต่สามารถเปิดยิมมวยไทยได้ แค่มีภรรยาเป็นคนไทย ก็เอาชื่อภรรยาไปเปิดค่ายมวย แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับการกีฬาแห่งประเทศไทยให้ถูกต้อง แต่ในทางกลับกัน ครูมวยไทยจะไปเมืองนอก ต้องมีไลเซนส์ วุฒิการศึกษา เงินในบัญชี ยุ่งยากไปหมด บางคนทำเรื่อง 5-6 เดือนยังไม่ได้ไป ทำไมฝรั่งเข้ามาง่ายจัง กกท. ทำไมไม่ไปดูแลตรงนี้
เจ้าของค่ายมวยดังยังชี้ให้เห็นความเสียเปรียบว่า “ฝรั่งเขาทำใหญ่ครบวงจร มีทั้งฟิตเนส สปา ซาวน่า แต่คนไทยมียิมมวยอย่างเดียว แถมบางที่ยังไม่สะอาด ใครจะอยากมาเรียน ผมอยากให้ กกท. ทุกจังหวัดไปตรวจสอบยิมที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ ก่อนที่คนไทยจะสู้เขาไม่ได้”

ขณะที่ นายยงศักดิ์ ณ สงขลา รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา ชี้อีกหนึ่งปมปัญหาใหญ่ คือ “ภาพลักษณ์ความรุนแรง” ที่ทำให้ผู้ปกครองไม่กล้าส่งลูกหลานมาเรียน ทั้งที่ต่างชาตินำไปปรับใช้จนบูมมาก
”ผมไปออสเตรเลีย เขาพัฒนาจนมีกติกามวยไทยสำหรับเด็ก 6 ขวบ เขาเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ช่วงอายุ 6-12 ปี ห้ามต่อยหรือกระทำบริเวณศีรษะเด็ดขาด! ลดเวลายกเหลือ 1 นาที พ่อแม่ก็จูงลูกมาเรียนกันเพียบ เพราะเขาเชื่อว่าไม่อันตรายเหมือนเทควันโด”
นายยงศักดิ์ ยังชี้ถึงข้อติดขัดที่ทำให้มวยไทยไปไม่สุดในระดับสากลสิ่งที่เรายังติดกับดัก คือ กติกาบางข้อที่ต่างชาติไม่ยอมรับ โดยเฉพาะ การเตะและถีบกระจับ พอกติกาเราไม่ครอบคลุมตรงนี้ จะไปสู่สากลมันก็ไปไม่ได้ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่สถาบันมวยไทยฯ ต้องมาสะเด็ดน้ำ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้รับข้อเสนอแนะและปัญหาทั้งหมดไว้ โดยเน้นย้ำว่าจะเร่งผลักดันให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการพิจารณาจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติและปลดล็อกกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งการควบคุมมาตรฐานครูมวย การบุกรุกของทุนต่างชาติ























