กรมการค้าต่างประเทศ  เดินหน้าติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทย ติวเข้มมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา เสริมศักยภาพการส่งออก

Mummai Media


       นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดสัมนาอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิค ในหัวข้อ “เตรียมความพร้อมผู้ส่งออกไทย รู้และเข้าใจมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ”เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย ในการรับมือสงครามทางการค้า เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และลดผลกระทบในการส่งออกของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าและเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการค้าโลก รวมถึงการเผชิญหน้ากับผลกระทบจากสงครามทางการค้า และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกของประเทศไทย

          นางอารดาฯ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ได้เน้นที่มาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกาซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ได้แก่ (1) มาตรการภาษีตามมาตรา 232 (Section 232 U.S. Import Tax Management) (2) มาตรการภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ภายใต้กฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) และ (3) การอุดหนุนข้ามชาติ (Transnational Subsidy) โดยกรมฯ ได้เชิญที่ปรึกษากฎหมายเฉพาะด้านการค้าของสหรัฐฯ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ จะเป็นไปตามกฎระเบียบศุลกากรของสหรัฐฯ และสามารถบริหารจัดการลดภาระต้นทุนภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ (Tax Management) ที่เกี่ยวข้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมายได้ต่อไป

          ในปัจจุบันทั่วโลกมีการใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าและมาตรการทางภาษีเพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาคการส่งออกเป็นอย่างมาก กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการทำงานแบบเชิงรุกเพื่อวางแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์สงครามทางการค้า และลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย โดยในการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจการผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 500 คน จากกว่า 200 องค์กร ทั้งนี้ กรมฯ มีแผนจะจัดสัมมนาในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยสามารถรับมือได้ทันต่อสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และได้สร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย