นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. – ต.ค. 2568) มีการยื่นคำขอจดทะเบียนสูงถึง 62,961 คำขอ เพิ่มขึ้น 7.80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (58,403 คำขอ) และมีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ 11,531 รายการ ลดลง 11.81% จากปี 2567 (13,075 รายการ) โดยรายละเอียดการยื่นคำขอจดทะเบียนและแจ้งข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา (74,492 คำขอ) ดังนี้
1.เครื่องหมายการค้า มีการยื่นคำขอ 46,525 คำขอ เพิ่มขึ้น 9.25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (42,585 คำขอ) สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้ามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริการด้านการขายและการตลาด สินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและความงาม ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและความงาม เป็นกลุ่มสินค้าที่มาแรงและมีการยื่นคำขอจดทะเบียนมากที่สุดในหมวดกลุ่มสินค้า เพิ่มขึ้น 36.45 % จากปี 2567 (4,362 คำขอ) โดยเป็นคำขอที่ยื่นผ่านช่องทาง Fast Track จำนวน 1,830 คำขอ สะท้อนเทรนด์การค้าที่มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องความงามมากขึ้น ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอนามัย เครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย
โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอเครื่องหมายการค้า คนไทย 52% และต่างชาติ 48% สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ป๊อป มาร์ท (สิงคโปร์) โฮลดิ้ง พีทีอี.แอลทีดี (236 คำขอ) สะท้อนกระแสความนิยมของสินค้าอาร์ตทอยที่ยังคงมาแรงต่อเนื่องในไทย ตามมาด้วยบริษัท เดอะ เกรท ไอเดีย จำกัด (108 คำขอ) บริษัท คอสมี่ จำกัด (99 คำขอ) เอ็มซี โอ (ไอพี) โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (78 คำขอ) และเอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเมนท์ โค.,แอลทีดี (76 คำขอ) ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 33,775 เครื่องหมาย

2. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีการยื่นคำขอ 6,929 คำขอ เพิ่มขึ้น 2.76% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (6,743 คำขอ) สำหรับนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ วัสดุเหล็กกล้า ยังคงครองอันดับ 1 สองปีต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมวัสดุและการก่อสร้างที่มีการพัฒนานวัตกรรมไม่หยุดนิ่ง รองลงมาคือนวัตกรรมแอนติบอดี้และยาชีววัตถุ สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการวิจัยยา ตามด้วยนวัตกรรมแบตเตอรีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ระบบสื่อสารและอุปกรณ์ส่งสัญญาณ และเคมีอินทรีย์
โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอสิทธิบัตรการประดิษฐ์ คนไทย 11% และต่างชาติ 89% อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เป็นต้น สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปอเรชั่น (184 คำขอ) บริษัท ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรเต็ด บริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น บริษัท โตโยต้า จิโดชา คาบูชิกิ ไคชา และบริษัท โนเกีย เทคโนโลยี โอวาย ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 4,496 ฉบับ
3. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีการยื่นคำขอ 5,442 คำขอ ลดลง 2.29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (5,569 คำขอ) สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ลวดลายผ้าซึ่งส่วนใหญ่ผู้ยื่นคำขอเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัย รถยนต์ ซึ่งเป็นสาขาที่มาแรงขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 (จากอันดับ 4 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568) บรรจุภัณฑ์ เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์
โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ คนไทย 68% และต่างชาติ 32% สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท อาร์เอช ยูเอส, แอลแอลซี บริษัท เป๋า ลี่ ไหล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท บีอีจีเอ กันเทนบริงค์-ลอยช์เทน เคจี บริษัท โตโยต้า จิโดชา คาบูชิกิ ไคชา และบริษัท วีล พรอส, แอลแอลซี ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 4,197 ฉบับ
4.อนุสิทธิบัตร มีการยื่นคำขอ 4,065 คำขอ เพิ่มขึ้น 15.94% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (3,506 คำขอ) สำหรับนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองอนุสิทธิบัตรมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ยังคงครองอันดับ 1 ต่อเนื่อง ยาสมุนไพร สะท้อนความสนใจด้านสุขภาพที่นำนวัตกรรมยาไทยแบบดั้งเดิมมาพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย สารพันธุกรรม และอุปกรณ์เกี่ยวกับแสง
โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขออนุสิทธิบัตร เป็นคนไทย 92% และต่างชาติ 8% สำหรับผู้ยื่นคำขอมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยบูรพา (85 คำขอ) ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 1,686 ฉบับ
5. ลิขสิทธิ์ มีการยื่นแจ้งข้อมูล 11,531 ผลงาน ลดลง 11.81% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (13,075 ผลงาน) ผลงานที่มีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ศิลปกรรม (จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ฯลฯ) ผลงาน วรรณกรรม (งานนิพนธ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์) 3,517 ผลงาน ดนตรีกรรม 2,583 ผลงาน โสตทัศนวัสดุ (ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์) 821 ผลงาน และสิ่งบันทึกเสียงผลงาน
ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ยื่นแจ้งข้อมูลผลงานลิขสิทธิ์ เป็นคนไทย 99% และต่างชาติ 1% สำหรับผู้ยื่นแจ้งข้อมูลมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยขอนแก่น บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) บริษัท สรีทสิสร์ จำกัด และบริษัท โอเพ่นดูเรียน จำกัด อย่างไรก็ดี ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ โดยไม่ต้องยื่นจดทะเบียนกับกรม สถิติดังกล่าวจึงไม่สามารถสะท้อนภาพรวมของงานสร้างสรรค์ไทยได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี กรมจะเดินหน้าส่งเสริมให้ศิลปินนักสร้างสรรค์เห็นความสำคัญของการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์กับกรม เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงเบื้องต้นในการแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในกรณีที่เกิดข้อพิพาท รวมทั้งเป็นช่องทางให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงผลงานและติดต่อขอใช้ประโยชน์งานลิขสิทธิ์นั้นได้ง่ายขึ้น
นางอรมน กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งมั่นที่จะพัฒนางานบริการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสืบค้นข้อมูลเครื่องหมายการค้าและสิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนจัดให้มีช่องทางเร่งรัด (Fast Track) ที่สามารถจดทะเบียนได้รวดเร็วขึ้น สำหรับสาขาที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตและที่ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน ได้แก่ สิทธิบัตรการประดิษฐ์/อนุสิทธิบัตร ใน 3 นวัตกรรม คือ นวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ลดระยะเวลาจดทะเบียน จาก 38.5 เดือน นับจากวันยื่นให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ เหลือ 12 เดือน และอนุสิทธิบัตร จาก 12 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ เหลือ 6 เดือน
สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในสาขานวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ เหลือ 3 เดือน และ 3 เครื่องหมายการค้า ในกรณีที่ต้องนำหลักฐานการจดทะเบียนไปแสดงต่อหน่วยราชการอื่น โดยลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10.5 เดือน นับจากวันยื่นคำขอ เหลือ 3 เดือน พร้อมมีแผนจะขยายช่องทาง Fast Track ในสาขานวัตกรรมและสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป






















