
วันนี้ (2 ธันวาคม 2568) ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ได้ร่วมกิจกรรม “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” โดยความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบการเอกชนมากกว่า 30 ราย เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็น แกนกลางในการประสานงานทุกภาคส่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือเกิดผลอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้คลี่คลายลง หน่วยงานรัฐ เอกชน และอาสาสมัครเข้าพื้นที่ได้มากขึ้น รัฐบาลจึงเร่งเข้าสู่ “ระยะฟื้นฟู Recovery Mode” อย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้โดยเร็วที่สุด โดยย้ำว่าภาคใต้เป็นภูมิภาคสำคัญของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และบริการ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญสูงสุดในการฟื้นฟูครั้งนี้
รัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการฟื้นฟูและเยียวยาเร่งด่วนในทุกด้าน โดยเริ่มจากการทำ Big Cleaning ซึ่งตนเองได้ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และระบายน้ำออกจากพื้นที่ ก่อนเข้าสู่การซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายให้ประชาชนกลับเข้าที่พักได้เร็วที่สุด พร้อมมาตรการด้านการเงิน ทั้งพักชำระหนี้ไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี และสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยสำหรับยังชีพและซ่อมแซมทรัพย์สิน ครัวเรือนละไม่เกิน 100,000 บาท

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า “ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวใต้ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานร่วมกับภาคเอกชน ผ่านกิจกรรม ‘รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้’ ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการเร่งฟื้นเมือง ฟื้นธุรกิจ และฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ ผ่าน 3 กิจกรรมหลักที่เริ่มดำเนินการทันที ได้แก่
1. ลดค่าครองชีพประชาชน — สินค้าจำเป็นลดสูงสุดกว่า 50% ร่วมกับผู้ผลิตสินค้า 16 ราย แบ่งเป็น หมวดของใช้ประจำวัน ได้แก่ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ยูนิลีเวอร์ไทย โอสถสภา ยูนิชาร์ม เอิร์ธ (ประเทศไทย) นีโอ คอร์ปอเรท หมวดอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตปลากระป๋อง โดยบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ ยูนิคอร์ด รอแยลฟูดส์ ไฮคิว, ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดย บริษัท สหพัฒน์ฯ วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย และผู้ผลิตนมพร้อมดื่ม โดยมี บริษัท ดัชมิลล์ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า และเนสท์เล่ (ไทย)
ในส่วนของห้างค้าปลีก–ค้าส่ง รายใหญ่ 8 ราย ได้แก่ ซีพีแอ็กซ์ตร้า (แมคโคร โลตัส) บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล โฮลเซลล์ และเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล(ท็อป โก โฮลเซลล์) เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส ซีพี ออลล์ (7-11) และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกันลดราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร นม ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผงซักฟอก สบู่ โลชั่น รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นฐานและเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน
2. ลดภาระซ่อมแซมบ้านเรือน — วัสดุก่อสร้างลดสูงสุด 88% ได้รับความร่วมมือจากห้างวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ 6 ราย ได้แก่ เอสซีจี ไทวัสดุ โฮมโปร ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ และเมกาโฮม ลดราคาวัสดุที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านเรือน เช่น สายไฟ หลอดไฟ สีทาบ้าน ประตูหน้าต่าง วัสดุกันซึม อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถุงมือ และรองเท้ากันน้ำ พร้อมบริการช่างซ่อมแซมบ้านเรือน สำหรับครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายหนัก
3. ลดภาระซ่อมแซมยานพาหนะ — บริการศูนย์รถยนต์ลดสูงสุด 18% ได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ได้แก่ B-Quik TyrePlus COCKPIT และผู้ประกอบการยานยนต์จังหวัดสงขลาและใกล้เคียง ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถหลังน้ำท่วม และฟื้นฟูทำความสะอาด เช่น ล้าง ซักเบาะ-พรม เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน-ของเหลว พร้อมจัดหาช่างซ่อมโดยลดค่าแรงและอะไหล่
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ทุกภาคส่วนมีความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูเมือง ฟื้นฟูธุรกิจ และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคใต้ให้กลับมาเข้มแข็งโดยเร็วที่สุด โดยรัฐบาลจะติดตามผลอย่างใกล้ชิด และพร้อมขยายความช่วยเหลือเพิ่มเติมในพื้นที่ที่จำเป็น รัฐบาลจะเดินเคียงข้างพี่น้องประชาชนอย่างไม่หยุดยั้ง ใช้ทุกทรัพยากรเพื่อให้การฟื้นฟูเกิดผลจริง และทำให้ภาคใต้กลับมามั่นคง ปลอดภัย และเดินหน้าทางเศรษฐกิจได้โดยเร็วที่สุด”






















