นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ได้ให้การต้อนรับ นางสาวมาลี อุทัยกิตติศัพท์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และคณะ ในโอกาสเข้าพบหารือแนวทางความร่วมมือด้านการส่งเสริมการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ไทย เร่งเครื่องผลักดันสินค้าและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพและตอบโจทย์ความท้าทายในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจแก่ทุกภาคส่วนตามโร้ดแมป “IP 4 All”
นางอรมน กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามแนวทาง “IP 4 All” เพื่อใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในทุกภาคส่วน โดยเร่งผลักดันผลงานสร้างสรรค์และนวัตกรรมของคนไทยออกสู่ตลาดอย่างเข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแบบเร่งด่วน ด้วยการนำระบบ “Target Patent Fast-Track” มาใช้เป็นช่องทางพิเศษสำหรับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายและมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต นวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข และนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งช่องทาง Fast Track จะช่วยลดระยะเวลาจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ จากปกติ 38.5 เดือน เหลือ 12 เดือน นับจากวันยื่นให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ และอนุสิทธิบัตร จากปกติ 12 เดือน เหลือ 6 เดือน นับจากวันที่เข้าร่วมโครงการ

นอกจากนี้ กรมฯ ยังจัดให้มีบริการให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบครบวงจร ผ่านศูนย์ IPAC (Intellectual Property Advisory Center) เพื่อให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ และสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจโดยใช้กลยุทธ์ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกลไกขับเคลื่อนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ พร้อมจัดทำระบบ DIP e-Learning เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างสะดวกรวดเร็วโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังมีการจัดงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP Fair) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าสนใจจากทั่วประเทศ เชื่อมโยงนักสร้างสรรค์และภาคธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสในการซื้อ-ขายสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
สำหรับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นหน่วยงานต้นแบบที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยสนับสนุนให้พนักงานทุกระดับคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาไอเดียใหม่ๆทั้งในด้านสินค้าและบริการ รวมทั้งมีการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบ เพื่อผลักดันให้นวัตกรรมของบริษัทได้รับความคุ้มครองและสามารถนำมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน บริษัทได้สร้างนวัตกรรมและนักสร้างสรรค์รวมกว่า 12,000 ราย สามารถสร้างผลงานนวัตกรรมจำนวนมากและถือครองทรัพย์สินทางปัญญาประเภทสิทธิบัตรไว้กว่า 177 ฉบับ
นางอรมน กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาและบริษัท ซีพี ออลล์ ได้หารือแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ประกอบการในเครือบริษัท โดยจะจัดอบรมส่งเสริมความรู้กลยุทธ์ทรัพย์สินทางปัญญา (IP Strategy) และบริหารจัดการสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อพัฒนานวัตกรรมให้ตอบโจทย์เทคโนโลยีและสนองต่อความต้องการของตลาด รวมทั้งผลักดันโครงการร่วมกันผ่านศูนย์ IP Innovation Center ของบริษัท ซีพี ออลล์ ซึ่งเป็นพื้นที่บ่มเพาะไอเดียใหม่ๆ (Innovation Lab/Co-creation) ร่วมกับผู้ประกอบการ SMEs และ Startup เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างมีเป้าหมาย
นอกจากนี้ กรมยังได้เชิญบริษัท ซีพี ออลล์ ร่วมเป็นพันธมิตรในกิจกรรมต่างๆ ของกรม โดยเฉพาะงาน IP Fair ซึ่งบริษัทสามารถเข้าร่วมทั้งในฐานะผู้จัดแสดงผลงาน และผู้ซื้อ (Buyer) นวัตกรรม โดยความท้าทายด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมที่บริษัทให้ความสำคัญ ได้แก่ การยืดอายุการเก็บรักษาและคงสภาพความสดใหม่ของอาหาร และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติก เป็นต้น

นางอรมน กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึงการส่งเสริมช่องทางจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ผ่านเครือข่ายร้าน 7-Eleven ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่กว่า 15,400 สาขาทั่วประเทศ โดยมีความเป็นไปได้ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะผลไม้ GI ในรูปแบบพร้อมรับประทาน โดยบริษัท ซีพี ออลล์ จะให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ มาตรฐานสินค้า และจัดสรรพื้นที่จำหน่ายอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลไม้ GI ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งผลักดันสินค้า GI ที่โดดเด่นของแต่ละจังหวัดให้เป็นสินค้าของฝากที่หาซื้อได้ใน 7-Eleven สาขาที่ตั้งอยู่ในสถานบริการน้ำมันและจุดพักรถในเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เหตุการณ์มหาอุทกภัย ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน เป็นต้น เพื่อฟื้นฟูรายได้และสร้างโอกาสทางการตลาดในช่วงฟื้นตัวต่อไป
“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและผู้ประกอบการไทย และร่วมกันสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป”นางอรมน กล่าว






















