นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าไทยในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2568) ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการค้ากับ 18 ประเทศคู่ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง โดยมีมูลค่าการค้ารวม 337,379 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับจีน เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ อาเซียน ญี่ปุ่น และอินเดีย
ทั้งนี้ การค้ากับตลาด FTA ส่วนใหญ่ ขยายตัวในอัตราที่น่าพอใจ อาทิ จีน เพิ่มขึ้น 28 % อินเดีย เพิ่มขึ้น 27 % อาเซียน เพิ่มขึ้น 13 % และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 2 % ส่งผลให้การค้ากับประเทศคู่ FTA มีสัดส่วนสูงถึง 59.2 % ของการค้ารวมของไทย สะท้อนบทบาทของ FTA ที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทยช่วยขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
นางสาวโชติมา กล่าวว่า การส่งออกของไทยไปประเทศคู่ FTA เติบโตได้ดีเช่นกัน มีมูลค่า 154,555 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว8 % โดยสินค้าอุตสาหกรรมมีการขยายตัวสูงที่สุด 12 % รวมมูลค่าส่งออก 118,061 ล้านดอลลาร์
ขณะที่สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปเติบโตในเกณฑ์บวก 1 % สินค้าส่งออกที่เติบโตโดดเด่นในตลาด FTA อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 61 % อัญมณีและเครื่องประดับ ขยายตัวร้อยละ 49 ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 27 % เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัว 13 % ปศุสัตว์ ขยายตัว 11 % และยางพารา ขยายตัว 9 % สะท้อนศักยภาพของไทยในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร
สำหรับการนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ FTA มีมูลค่า 182,824 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18 % โดยไทยนำเข้าสินค้ากลุ่มปัจจัยการผลิตเป็นส่วนใหญ่ สัดส่วนการนำเข้ามากถึง 67 % ของการนำเข้าทั้งหมด สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เหล็ก และสินแร่โลหะ ซึ่งล้วนเป็นวัตถุดิบสำคัญในภาคอุตสาหกรรม
นางสาวโชติมา กล่าวว่า การจัดทำ FTA ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตทางการค้าในตลาด FTA และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ทั้งด้านต้นทุนการผลิต การเข้าถึงตลาด และการเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก
ทั้งนี้ แนวโน้มการค้าไทยกับประเทศคู่ FTA ในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเอเชียและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร และเกษตรแปรรูป จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA ให้เต็มศักยภาพ
“กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพร้อมเดินหน้าขยายเครือข่าย FTA ฉบับใหม่ โดยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป และแคนาดา ภายในปี 2569 ควบคู่กับการพิจารณาเปิดการเจรจากับประเทศคู่ค้าใหม่ เช่น สหราชอาณาจักร บังกลาเทศ สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) เป็นต้น เพื่อยกระดับความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทยกับตลาดศักยภาพทั่วโลก ตลอดจนสร้างแต้มต่อเชิงยุทธศาสตร์ให้ผู้ประกอบการไทยในระยะยาว” นางสาวโชติมา กล่าว






















